advertisement

จากใจพยาบาลเตือน ผู้ปกครองที่จะพาเด็กไปเที่ยว ตปท. ควรคิดให้ดีก่อน


advertisement

       ทั่วโลกยังคงต้องจับตาและป้องกันกันอย่างต่อเนื่องและเข้มงวดกันมากยิ่งขึ้น สำหรับ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 (COVID-19) ที่ตอนนี้แพร่ระบาดไปในหลายประเทศ มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวันๆ 

       ล่าสุด ทางด้านผู้ใช้เฟสบุ๊ก Muwan Noofon ได้โพสต์แชร์เรื่องจากคุณหมอท่านหนึ่งเรื่อง Covid 19 อธิบายการแพร่กระจายเชื้อได้ดีมากเหตุผลที่ไม่ควรเดินทางไปประเทศที่มีเสี่ยงที่จะติดโรค โดยระบุว่า…

        “จากใจพยาบาล ที่ได้คัดกรอง.เด็กน้อยที่คุณแม่พาไปเที่ยว.เพราะจองตั๋วไว้แล้ว.จึงพาลูกไป กลับมาน้องมีไข้.จึงต้องสงสัย.โรคโคโรนา #ขอแชร์แนวคิดจากคุณหมอท่านหนึ่งเรื่อง Covid 19 ท่านได้อธิบาย. การแพร่กระจายเชื้อได้ดีมากเหตุผลที่ไม่ควรเดินทางไป

        – ญี่ปุ่น
        – สิงค์โปร์
        – มาเก๊า
        – ฮ่องกง
        -เกาหลีใต้
        – มาเลเซีย
        – ไต้หวัน

        จากการดูประชุมเมื่อวานยังไงประเทศไทยก็จะเข้าสู่การระบาดแน่ๆครับแต่ของไทยยังอยู่ที่เฟส 2 อยู่ คำว่าเฟส 2 คืออะไรหมายความว่ามีการระบาดจากแหล่งต้นทางคือมีการติดเชื้อเฉพาะผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับจีน เช่นกลับมาจากจีน หรือแท็กซี่ที่ติดจากการรับส่งคนจีน ส่วน ญี่ปุ่น สิงค์โปร์ มาเก๊า ฮ่องกง และล่าสุด เกาหลีใต้ เป็นเฟส 3 แล้ว เฟส 3 คือ มีการระบาดกันในคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับต้นตอ เช่น

        – คุณหมอที่ วากายาะ
        – เมียคุณหมอ ลูกคุณหมอ
        – แม่ยาย
        – คนขับแท็กซี่ที่โตเกียว
        – และล่าสุด การระบาดที่แทกู เกาหลีใต้


advertisement

        ประเทศไทยต้องการที่จะเข้าสู่เฟส 3 ให้ช้าที่สุด เนื่องจาก บุคลากรทางการแพทย์ อุปกรณ์เครื่องมือเราอาจมีไม่พอถ้ามีคนไข้มาก ถ้าเฟส 3 มาไว เราตั้งรับไม่ทัน ดูแลผู้ป่วยไม่ทัน จะตายกันเยอะเหมือนที่จีน ถ้ามาช้าๆ เราดูแลทัน อัตรการตายจะน้อย ถ้าเป็นไปได้ ก็ไม่อยากให้ตายเลย ทีนี้หากเราเดินทางไปยังประเทศที่อยู่ในเฟส 3 ดังกล่าว บุคลากรที่ต้องมาคัดกรองมีน้อยเป็นการเพิ่มงานให้เค้าเปล่าๆการคัดกรองไม่จบ แค่สนามบินนะครับ เค้าต้องส่งคน มาติดตามอีก 14 วัน สมมุติผมเดินทาง กลับมาจากญี่ปุ่นแล้วมีอาการไข้ แน่นอน ผมต้องโดนกัก ที่โรงพยาบาลดูอาการ 14 วัน แต่ถ้าผม ไม่มีอาการอะไรเลยหล่ะ ทำยังไงผมต้องนั่งให้สัมภาษณ์ว่า ไปไหนมาบ้าง ทำอะไรมาบ้างจากนั้นผมก็กลับบ้าน โดยต้องแยกตัวไม่สุงสิง ไม่ไปทำงานไม่ยุ่งกับใคร เป็นเวลา 14 วัน โดยระหว่างนี้เค้าก็จะส่งคนมาตรวจดูว่าเรากักตัวเองไหม ที่ทำแบบนี้เพราะมีคนที่ติดแต่ไม่แสดงอาการไงครับมันสามารถแพร่เชื้อได้

        สมมุติ ผมไม่ทำตามที่เค้าบอกยังไปทำงาน ยังไปดูหนังแต่ตัวเองติดเชื้อแล้วไม่มีอาการจะเกิดอะไรขึ้นคนอื่นจะติดไปด้วยครับและตอนนั้นแหละบรรลัย แน่นอน เฟส 3 มา แน่นอนครับ ที่กังวลอีกอย่างนึง นักเดินทาง ส่วนใหญ่ อายุประมาณ 25-50 ปี ไงครับ ร่างกายค่อนข้างแข็งแรง ถึงติดมา ก็ไม่แสดงอาการอะไรแต่ถ้ากลับบ้านอย่าลืมว่ามี พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตายาย รออยู่นะครับเราเป็นพาหะแล้วติดคนเหล่านั้นคุณจะเสียใจไปตลอดชีวิตนะครับ สรุป


advertisement

        1.ถ้าคุณเป็นพาหะกลับมา ติดคนแก่ที่บ้าน อายุ 50 ปีขึ้นไป หรือคนที่มีโรค ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคทางเดินหายใจ โรคมะเร็ง คนเหล่านี้อัตราการตายสูงมาก และอาจจะเป็นการเร่งให้ไทยเข้าสู่เฟส 3 เร็วขึ้น

        2.เราอยากให้ไทย เข้าสู่เฟส 3 ให้ช้าที่สุด เนื่องจากปัจจุบัน รพ. ธรรมดาก็คนล้น นอนกันริมระเบียง นอนกันบนทางเดินอยู่แล้ว ถ้ามันเฟส 3 ขึ้นมา บอกเลย ตายกันเยอะแน่นอนเพราะบุคลากรดูแลไม่พอครับ

        3.เห็นใจ คนปฏิบัติงานด้วยเพราะคนมีน้อยต้องทำงาน 24 ชั่วโมง แถมต้องเสี่ยงกับไวรัสนี้อีกเค้าก็มีครอบครัวต้องดูแล เหมือนกันแต่ถ้าคุณตัวคนเดียว อยู่คนเดียว และลางานต่อได้อีก 14 วัน หลังจากคุณกลับมาจากเที่ยว และคุณพร้อมที่จะกักตัวเองอยู่ในบ้าน ไม่ไปไหน ก็ไปเที่ยวได้ครับจบแล้ว


advertisement

        เป็นความรู้จากใจของบุคคลากรทางการแพทย์ที่อยากจะออกมาเตือนให้ผู้ที่จะเดินทางไปในต่างประเทศที่มีการระบาดของโรค Covid 19​ ใครที่จะเดินทางไปต่างประเทศก็คิดวางแผนดูให้ดีนะครับ 

เรียบเรียงโดย : thaihitz.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก Muwan Noofon


advertisement