advertisement
จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้ออกมาร้องเรียนลงในโลกโซเชียล หลังเจอลูกกอล์ฟจากสนามไดร์ฟกอล์ฟตกมาที่บ้าน สร้างความเสียหายมากมาย และไม่ได้รับการรับผิดชอบที่ดีจากทางสนามเลย ต่อมา ทางเพจของสนามไดร์ฟกอล์ฟ ได้ออกมาชี้แจง ว่า…
"เรียนทุกท่านค่ะ
ทางเราเองเพิ่งเข้ามาบริหารสนามไดร์ฟกอล์ฟนี้ได้ประมาณ 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 ค่ะ ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใน 10 ปีล่าสุดตามที่เป็นข่าวค่ะ
หลังจากที่เราเข้ามาบริหารนี้ เราได้ทำการซ่อมแซมสนามเยอะมากเพราะค่อนข้างชำรุดทรุดโทรม พอทราบถึงปัญหาก็ไม่ได้นิ่งนอนใจรีบปรับปรุงซ่อมแซมตาข่ายที่ชำรุดทันทีค่ะ เราได้เพิ่มจำนวนชั้นของตาข่ายให้หนาขึ้นหลายเท่าตัวและขึงตาข่ายให้สูงขึ้นกว่าเดิมอีก เราพยายามเต็มที่ที่จะป้องกันปัญหาดังกล่าวและแก้ไขจุดบกพร่องอย่างเร็วที่สุดมาโดยตลอดค่ะ
ส่วนความเสียหายของบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบ หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียน ทางเราได้ชดใช้ค่าเสียหายและซ่อมแซมทุกอย่างตามความพึงพอใจของผู้เสียหายมาโดยตลอดค่ะ เราได้รับผิดชอบทุกครั้งที่เกิดปัญหาในช่วงเวลาที่เราเข้ามาบริหารสนามไดร์ฟนี้ค่ะ
สุดท้ายนี้ทางทีมเราขอแจ้งว่าเรายินดีรับฟังทุกปัญหามาโดยตลอดและพร้อมแก้ไขทุกอย่างทันทีทั้งในอดีตและปัจจุบันค่ะ และอยากขอให้ทุกท่านเข้าใจในสถานการณ์ของเราด้วยค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ สนามไดร์ฟกอล์ฟเกียรติธาดา
advertisement
17/4/2564"
advertisement
-[ads]
ทางด้านเจ้าของบ้าน ก็ได้ออกมาสวนกลับทันควัน ว่าทนเดือดร้อนมา 10 ปี อยากได้การรับผิดชอบมากกว่านี้ ต้องมีการปรับปรุงระยะยาว การยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะไม่มีลูกกอล์ฟตกมาอีก ที่ผ่านมาร้องเรียนนับครั้งไม่ถ้วน ทำได้แค่แจ้งตำรวจและแจ้งเขต แต่จะให้ไปแจ้งตำรวจทุกครั้งที่ลูกกอล์ฟหล่นมาก็คงไม่ใช่ จะบอกว่าบ้านติดสนามกอล์ฟก็ต้องทน ก็คงไม่ได้ ไม่ใช่ต้องมาทนหวาดระแวง ต้องมาลุ้นทุกวันว่าจะลูกนี้จะหล่นโดนหัวไหม ถ้าโดน ถ้าเสียชีวิต จะแก้อย่างไร แค่อยากให้อยู่กันดีๆ และมีการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน ไม่ใช่แค่ซ่อม หรือชดใช้แล้วจบ
advertisement
ทั้งนี้ หลายคนก็ได้ตั้งคำถามว่า หากลูกกอล์ฟไม่ได้สร้างความเสียหายแค่ทรัพย์สิน แต่เกิดความเสียหายต่อชีวิตหรือตัวบุคลล จะแก้ไขชดเชยกันอย่างไรจึงจะเพียงพอ
เรียบเรียงโดย : thaihitz.com
advertisement