advertisement

สาวแชร์ประสบการณ์ จากหมีจำศีล 93กิโล สู่สาวสวย60กิโล ภายใน 2ปี


advertisement

       การลดน้ำหนัก คงเป็นภารกิจอันหนักอึ้งของหนุ่มๆสาวๆแทบทุกคน เพราะอาหารการกินในยุคนี้ มันชวนให้เรากินอย่างไม่คำนึงถึงน้ำหนักและรูปร่างจริงๆ การจะลดน้ำหนักสักครั้งจึงต้องใช้ความพยายาม ใช้แรงบันดาลใจ ใช้ความอดทนและมีวินัยสุดๆ

        วันนี้เราก็มีเรื่องราวดีๆ เป็นแรงบันดาลใจให้คนอยากลดน้ำหนักกันค่ะ โดยสมาชิกพันทิปหมายเลข 5576224 ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์การลดน้ำหนัก จากสาวสุดอ้วน น้ำหนักถึง 93 กิโลกรัม สู่สาวสวยน้ำหนัก 60 กิโลกรัม ภายในระยะเวลาสองปี โดยใช้วิธีการออกกำลังกาย และควบคุมอาหาร ซึ่งได้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่งสุดๆ

        สวัสดีค่าาา ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ว่า จขกท.ชื่อปอน อายุ 25 ปีนะคะทำงาน Computer Graphics Designer ซึ่งอาชีพเราต้องนั่งทั้งวัน หน้าคอมซะส่วนมากก่อนอื่นที่ ตั้งว่า EP.1 เพราะเรามีเป้าหมายต่อไปคือ อยากมีหุ่นลีน ๆ กล้ามเนื้อแน่น ๆเหมือนผู้หญิงต่างชาติ มีabs กล้ามขา และก้นกลมๆ เลยว่าจะเป็นเป้าหมายในการเขียน EP.2 ต่อไปแต่จุดประสงค์ในการตั้งกระทู้ EP.1 นี้ขึ้นมาก่อน เพราะเพื่อนขอให้ตั้งด้วยค่ะ5555 ขออภัยนะคะ ถ้าปอนเขียนไม่รู้เรื่อง TTปอนไม่ได้เป็น Personal Trainer แต่ในช่วงที่ลดก็พยายามศึกษาหาข้อมูลมาปรับใช้ให้กับตัวเองเพราะฉะนั้นในกระทู้นี้ ถ้าข้อมูลถูกผิดอย่างไร สามารถให้คำแนะนำได้เลยนะคะ

        ช่วงกินยาลดน้ำหนัก ดูผอมลงนะคะ แต่สุขภาพไม่ดี แถมกินผิดด้วยค่ะการกินของเราคืออ กินแต่ผักไปเลย 7 วันก็มีหรือบางทีกินวันนึง ไม่ถึง 500 แคลไม่เคยดูเรื่องสารอาหารที่ได้รับเลยค่ะ ดูแต่แคลอรี่ ซึ่งมันผิดมากนะคะ


advertisement

       ไลฟ์สไตล์เราตอนนั้น อาหารหลักคือขนมถุงค่ะชาบู ปิ้งย่างนี่กินทุกอาทิตย์ ขนมปังปิ้งนมเนยเอย หมูกรอบเอย ลูกชิ้นเงี้ย ไส้กรอกเงี้ยย อร่อยแท้น้อออออ

       แถมวิถีชีวิตเราตอนนั้นคือ ไม่มีไรทำก็นอนเล่น ไม่ขยับตัวค่ะวันๆ นอนเป็นหมีจำศีลเลยไม่ชอบออกไปไหนเลยค่ะตอนนั้นเพราะอ้วนและก็เหนื่อยง่าย ร้อนง่ายมากจนเมื่อเรียนจบ เริ่มเครียด เพราะต้องรับปริญญาปลายปี แต่คือสภาพเราแย่มากๆ เหมือนตุ่มเลย เราเกลียดตัวเองไปเลยช่วงนั้น ถ่ายรูปน้อยมากกจนแบบเอาวะ ตัดสินใจเข้ายิมดูละกัน และตั้งปณิธานว่า ฉันอยากลดน้ำหนักครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วและขอให้เป็นการลดที่ปลอดภัย และถูกต้องเราจึงตัดสินใจจ้างเทรนเนอร์ค่ะ เพราะตอนนั้นความรู้เรื่องออกกำลังกายเราคือ ติดลบ เลยค่ะและเรากลัวบาดเจ็บจากการออกกำลังที่ไม่ถูกต้องด้วยเลยตัดสินใจขอเงินแม่เนี่ยแหละ 5555


advertisement

      ตอนเริ่มต้น ปี 2017 เราเริ่มออกกำลังกายเดือนพฤษภาคม เราหนักประมาณ 93 กิโลกรัมค่ะ ซึ่งภายในปีนั้นเราลดลงมาได้ประมาณ 10 กว่าโลค่ะ น่าจะเหลือประมาณ 80-82 กิโลในปี 2017 ปี 2017 – เราเน้นทำ Endurance / Circuit training และคาร์ดิโอด้วยการเดิน (ตอนนั้นยังวิ่งไม่ไหวค่ะ) ( เดือน พฤษภาคม – สิงหาคม เรายังมีเทรนเนอร์คอยแนะนำนะคะ )
ปี 2018 – เราเริ่มเล่นเวทครั้งแรก เล่นงูๆปลาๆ ตอนนั้นเป็นสมาชิกในฟิตเนสนึง ก็เข้าคลาสพวก circuit / bodypump / rpm (ปั่นจักรยาน) บ่อยค่ะ

      ปี 2019 – ช่วงต้นปี เป็นปีที่เราเริ่มศึกษาจริงจังมาก ๆ เริ่มสนใจเวทเทรนนิ่งแบบจริงจัง เลยพยายามจัดตารางเล่นเวทให้ตัวเอง แต่ยังคง cardio อยู่นะคะ และเมื่อช่วงเดือนตุลา ได้คำแนะนำจากเทรนเนอร์ในฟิตเนส ซึ่งใจดีคิดตารางให้เราฟรี โดยเพิ่ม Explosive circuit / HIITซึ่งได้ผลค่อนข้างดีเลยค่ะ และปี 2019 เราก็วิ่งได้แล้วเป็นครั้งแรก เพราะเมื่อก่อนแค่เดินขึ้นบันไดก็เหมือนจะขาดใจตายแล้วค่ะ ตอนนี้หรอคะ วิ่งไปเลยค่ะ 10 โล 21 โล 555555

      การกิน ปี 2017 – เราไม่มีความรู้เรื่องกินใดๆ เลยค่ะ รู้แค่ว่า ชั้นต้องกินอาหารคลีน แล้วอาหารคลีนมันคืออะไรนะ ตอนนั้นก็สั่งในเน็ตอย่างเดียวเลยค่ะ กินไปแล้วอยากร้องไห้ไปด้วย จากคนกินรสชาติจัดๆ มาทั้งชีวิต ต้องมาเปลี่ยนครั้งใหญ่

      ปี 2018 – เราเริ่มทำอาหารเองแล้วค่ะเพราะอาหารคลีนก็แพงเนอะ แล้วน้อยด้วย เราเริ่มศึกษาเรื่อง BMR / TDEE ในการทำอาหารทานเอง แต่ช่วงนั้นก็ยังไม่เข้าใจเท่าไหร่ 555 ก็ทำไปงู ๆ ปลาๆ พยายามเน้นทำอาหารหลากหลายเพื่อไม่ให้ตัวเองเบื่อค่ะ

      ปี 2019 – เราเริ่มศึกษาจริงจังมากขึ้น ไป workshop เรื่องสารอาหารกับทาง FitStone เพราะเราอยากได้ความรู้จากคนที่เชียวชาญจริงๆ ซึ่งก็คุ้มค่าจริงค่ะ เราเข้าใจมากขึ้น ปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น และช่วงนี้เราจะเริ่มทำอาหารซ้ำ ๆ แล้วค่ะ เพราะเหมือนเรากินอะไรก็ได้แล้ว 5555


advertisement

        แต่สิ่งที่เราเน้นในการกิน เราจะเน้นสารอาหารมากกว่าแคลอรี่ค่ะ แคลอรี่ก็สำคัญนะคะแต่เราจะเน้นว่ากินอะไรแล้วมีประโยชน์ และให้โปรตีน ไขมัน และคาร์บเท่าไหร่ เป็นหลักมากกว่าค่ะเพราะของบางอย่างแคลอรี่ต่ำก็จริง แต่ว่าไม่มีสารอาหารอะไรแบบนี้เราก็เลือกไม่ทานค่าสารอาหารหลัก ๆ ที่เรากินก็จะมีดังนี้ค่ะโปรตีน : อกไก่ ไข่ ปลา หมูสันนอก เนื้อค่ะไขมันดี : น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก ถั่ว อโวคาโดคาร์บ : ข้าวทุกชนิดเลยค่ะ ขนมปังโฮลวีต

        เรามีทั้งทำเองและกินนอกบ้านการทำเอง : เราก็ปรุงน้อยค่ะ ใช้น้ำมันมะพร้าว (ยังไงก็ขาดไขมันไม่ได้นะคะ) แต่จะไม่ใส่น้ำตาลเลยค่ะ จะเน้นการผัด อบ ย่างซื้อข้างนอก : ถ้าเป็นอาหารตามสั่ง เราจะสั่งไม่ใส่น้ำมัน น้ำตาลและผงชูรส และเนื้อสัตว์ไม่ติดมันค่ะถ้าเป็นร้านก๋วยเตี๋ยว เราจะทานเกาเหลา บอกเค้าเอาหมูชิ้นอย่างเดียว ไม่ชูรส ไม่กระเทียมเจียวอะไรแบบนี้ค่ะจริง ๆ ไม่ต้อง fix ว่าต้องทำเองก็ได้ค่ะ แค่พยายามปรับใช้กับชีวิตเราให้เหมาะสม เลือกกินให้เป็นแค่นี้ก็พอค่ะส่วนเรื่องสัดส่วนการทาน เราปรับเรื่อย ๆ ค่ะ เพราะถ้าน้ำหนักเราน้อยลงเราก็จะทานในปริมาณเท่ากับตอนเราน้ำหนักเยอะไม่ได้ค่ะ (อันนี้เราคิดเองนะ 5555)เราเลยจะปรับตลอดค่ะ โดยอ้างอิงจาก น้ำหนัก ส่วนสูง อายุ %Fat BMR TDEE ตอนช่วงนั้นค่ะ

        1.การนอนเรื่องการนอนสำคัญมาก ๆ เลยนะคะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับฮอร์โมนด้วยค่ะ สำหรับเราจากคนนอนเช้า ตื่นเย็น เราค่อย ๆ ปรับ จนปัจจุบันเรานอน 4-5 ทุ่ม ตื่น 6 โมงเช้าแล้วค่ะเราจะเน้นการนอนเป็นการนอนเวลาเดิม ตื่นเวลาเดิมทุกวันถึงแม้เวลาน้อยจะไม่ได้เยอะมาก แต่ทำแบบนี้แล้วเรารู้สึกไม่เพลียค่ะ

        2.ทัศนคติเรื่องนี้เราคิดว่าสำคัญเกือบจะเป็นอันดับที่ 1 ในการเปลี่ยนแปลงตัวเองเลยค่ะเราไม่เคยยอมแพ้เลยนะคะ ต่อให้น้ำหนักเราลงช้า หรือบางครั้งก็ขึ้นมาเราไม่เคยคิดว่าตอนนี้เรากำลังลดน้ำหนักเพราะเราเริ่มจากคนสุขภาพแย่มาก ๆ เราแค่คิดว่า “ฉันต้องเปลี่ยน Life Style ตัวเองให้ได้ ฉันอยากมีสุขภาพที่ดีขึ้นฉันอยากแข็งแรง อยากวิ่ง อยากกระโดด อยากไปเที่ยวโดยไม่เป็นภาระใคร”และเราไม่เคยสรรหาวิธีที่มันยากมาทำด้วยค่ะ เพราะเราขี้เกียจ 555555แค่ปรับพฤติกรรมให้ดีขึ้น กินให้ดีขึ้น ออกกำลังกายบ้าง พักผ่อนให้ดีขึ้นแค่นี้ร่างกายก็ดีขึ้นแล้วค่ะ

        3.ติดตามคนที่ออกกำลังกายเหมือนกันอันนี้เราเชื่อว่า พอเราเอาตัวเองไปอยู่ในสังคมแบบไหน เราก็อยากจะเป็นแบบนั้นค่ะเราเลยคิดว่า การติดตามคนที่ออกกำลังกายเหมือนกัน เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้เราทำตลอดเวลาและได้ความรู้จากพวกเขาด้วยค่ะ “เราจึงไม่มีสูตรในการลดน้ำหนักมาแชร์ค่ะ เพราะเราใช้วิธีเลือกกิน และคุมปริมาณไม่ให้มากหรือน้อยเกินไปแค่นั้นเอง”ต่อไปจะเป็นภาพปัจจุบันของเราเองนะคะ ทั้งในชุดออกกำลังกาย และชุดปกติทั่วไปค่าาา

         พยายามใช้ชีวิตวันนึงให้ Active มากขึ้น เช่น ถ้าเดินได้เราก็เลือกเดินนะคะ เวลาไป MRT/BTS เราจะเดินขึ้นบันไดเสมอเลยถ้าไม่รีบรูปนี้เป็นรูปการเปลี่ยนแปลงภายใน 2 ปีค่ะเราค่อนข้างเปลี่ยนแปลงช้า เราเชื่อว่าเราอ้วนมา 23 ปีจะให้มาลดภายในแปปเดียวมันไม่ได้แน่ ๆเราพยายามไปให้ช้าที่สุด แต่ชัวร์ที่สุด เราไม่อยากกลับมาสุขภาพแย่อีกแล้ว


advertisement

        ไม่มีอะไรยากหากเรามีความตั้งใจกับแรงบันดาลใจที่ดี และมีความมุ่งมั่น มีวินัย อย่างเช่นสาวสวยคนนี้ ที่เปลี่ยนตัวเองจากหมีสายตาคนอื่น มาเป็นสาวสวยหุ่นดีได้

เรียบเรียงโดย : thaihitz.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก สมาชิกพันทิปหมายเลข 5576224


advertisement