advertisement

หนุ่มส่งอาหารให้ลูกค้าต่างชาติ ก่อนโดนถ่มน้ำลายใส่ ลั่นตนติดเชื้อไวรัส


advertisement

       ในช่วงนี้ใครๆต่างก็กลัวกับการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ด้วยกันทั้งสิ้น แต่ที่น่าตกใจไปมากกว่านั้นคือ มีกลุ่มคนบางกลุ่ม ที่มีพฤติกรรมเหมือนต้องการจะพยายามแพร่เชื้อให้กระจายไปสู่บุคคลอื่น ซึ่งเป็นการกระทำที่น่ากลัวและเป็นภัย

        อย่างเช่นเรื่องราวจากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ซันนี่ ชุติสรณ์ ที่เจอชาวต่างชาติ ทำพฤติกรรมที่หวังกระจายเชื้อไวรัสใส่ตน ด้วยการถ่มน้ำลายใส่ โดยเขาได้ออกมาเล่าเรื่อง ว่า….

        "แจ็คพอตมากกกกกก !!!!

        มาส่งอาหารลูกค้าต่างชาติ ราคา 600+ มาวางเงินไว้ 100 บาท แล้วบอกกับฟรอนต์โรงแรมให้จ่ายให้ก่อน แล้วก็ชิ่งหนีขึ้นห้องไปเลย ก่อนจะไปบอกให้รอ 20 นาทีนะ เดี๋ยวเอาเงินมาให้ ???

        รอผ่านไป 20 นาที (ใช่ นั่งรอจริง ๆ) ก็ไม่ลงมา พี่พนักงานโรงแรมพาไปที่ห้อง เคาะห้องเรียกเลย เปิดออกมาด้วยตัวที่เปลือยเปล่า สภาพคือรกชิบหาย แล้วนางยื่นบัตรเครดิตมาให้ บอกประมาณไปกดที่เหลือเอาเอง (ใครมันจะไปกดเอง บ้าแล้ว!!!)

        สุดท้ายคุยกันจนยอมใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกมา ยอมลงไปกดตังค์เพื่อจ่ายส่วนที่เหลือ พอเดินมาหน้าลิฟต์ แจ็คพอตมาแล้วจ้า

        หันมา “ถ่มน้ำลาย” ใส่ผมและพนักงานที่ขึ้นไปด้วยกัน แล้วพูดว่า

        …I Got a Virus…"


advertisement

       ล่าสุด เขาได้อัปเดตความคืบหน้า ว่า….

        "สรุปจะจบกันแบบนี้จริง ๆ ใช่มั้ย ???

        คืองี้สุดท้ายคนที่โทรมาทำให้วงแตก จำเป็นต้องแยกย้ายกันไปคือ โรงพยาบาลบางละมุง ทำไมต้องวงแตก เขาแจ้งมาว่าอะไร

        โรงพยาบาลบางละมุงโทรมาแจ้งว่าคู่กรณีที่มีปัญหาได้เข้าไปตรวจไวรัสโคโรนาด้วยตนเองแล้ว เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ด้วยอาการวิตกกังวล คิดว่าตัวเองอาจจะคิดโคโรน่า แต่ทางโรงพยาบาลบางละมุงได้ปฏิเสธไป เนื่องจากไม่เข้าข่าย PUI ที่จะได้ตรวจ แล้วก็ปล่อยไป ทิ้งท้ายด้วยว่า คู่กรณีที่ว่ามานั้น มีอาการป่วยทางจิตอยู่ควบคู่กันอยู่แล้ว อาจจะคิดมากไปเองจึงมาตรวจ [ads]

        ถามกลับไปว่า แล้วถ้านำคู่กรณีไปตรวจ จะได้มั้ย???

        โรงพยาบาลบางละมุงแจ้งมาว่า ไม่ได้ เนื่องจากคู่กรณีไม่เข้าข่าย PUI ตามที่กล่าวมา หากอยากพาไปตรวจต้องออกค่าใช้จ่ายเอง ไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชน และแนะนำให้ผมและคนที่โดนละอองน้ำลายน้ำจากการถุ้ยใส่ กักตัวเองเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ (ป้องกัน!!!) จบ…
โดยพวกผมแน่นอนว่าไม่ได้รู้เรื่องอะไร ต้องมากักตัวเอง รับผิดชอบตัวเองจากชาวต่างชาติที่ทำแบบนั้น โดยที่รัฐไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลย และควบคุมคู่กรณีได้เลย !!!

        แล้วหนำซ้ำ ตอนนี้ไม่รู้หรอกว่าแหม่มฝรั่งจะมีเชื้อหรือไม่มี แต่เมื่อเรื่องจบแบบนี้ พรุ่งนี้เช้าคู่กรณีที่เป็นต่างชาติคนนี้จะเช็คเอาท์ แล้วออกจากโรงแรมไป ซึ่งไม่รู้ว่าจะไปไหนต่อ ถ้าไม่ติดเชื้อ ก็ดีไป แต่ถ้าติดเชื้อขึ้นมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วปล่อยละเลยให้แหม่มนั้นไปแพร่เชื่อที่อื่นต่อ ผมจะฟ้องให้ยับเลย !!! #SavePattaya #Saveตัวกูด้วย"


advertisement

        หากไม่ติดเชื้อก็วางใจได้ แต่หากนักท่องเที่ยวรายนี้มีเชื้อ ก็น่าเป็นห่วงทีเดียวค่ะ เพราะเขามีพฤติกรรมที่ต้องการจะกระจายเชื้อสู่ผู้อื่นด้วย

เรียบเรียงโดย : thaihitz.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก ซันนี่ ชุติสรณ์


advertisement