advertisement
ในช่วงนี้หลายคนอาจจะกำลังตั้งใจในการอ่านหนังสือสอบบรรจุครูผู้ช่วย และอาจจะกำลังท้อแท้ไม่มีแรงบันดาลใจในการอ่านหนังสือกันอยู่ วันนี้เราจะพาไปดูอีกหนึ่งเรื่องราวที่อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่อ่านหนังสือเตรียมตัวสอบ โดยเป็นเรื่องราวประสบการณ์ตั้งแต่งการเตรียมตัวสอบจนถึงการเลือกโรงเรียน จากทางผู้ใช้เฟสบุ๊ก BAnk BAnk Manot โดยได้โพสต์ระบุว่า….
#โพสต์นี้ถึงพี่ๆเพื่อนๆและน้องๆ ที่กำลังเตรียมตัวสอบบรรจุข้าราชการทุกคนนะครับ อาจเน้นหนักไปทางครูหน่อยนิดนึง #ยาวมว๊ากกด้วย
เนื้อหาในโพสต์นี้ประกอบไปด้วย
1. บอกเล่าประสบการณ์การเตรียมตัว ไปจนถึงตอนเลือก รร.
2. สิ่งที่อยากจะบอก
1. ประสบการณ์
ผมเป็นคนนึงที่ยอมรับตรงๆเลยว่ามาเริ่มอ่านหนังสือ 2 เดือนก่อนสอบ (มันไม่ดีนะอย่าเลียนแบบ) ซึ่งเวลาน้อยจริง ๆ สำหรับการเตรียมตัวหลาย ๆ วิชาหลาย ๆ คน จะชอบทักมาถามว่า ทำยังไงถึงมีเวลาอ่านหนังสือ แล้วพอเราตอบ เขาก็จะหาว่าเราพูดเล่น เพราะคำตอบคือ #ไปบวช 5555 เพราะการบวชจะทำให้เรามีเวลาอ่านหนังสือมาก อยู่แต่ในวัด ไม่ต้องไปไหน ไม่มีใครรบกวน อีกอย่างเป็นเหตุผลที่สามารถใช้อ้างกับงานสอนพิเศษของเราได้ 5555 จะได้ไม่ต้องหยุดงาน ให้เพื่อนคนอื่นสอนแทน
พอได้มาบวชแล้ว โอ้โห ชีวิตการเป็นพระ ก็ไม่ได้พัก ได้ผ่อน เหมือนกับคนธรรมดาเลย ตื่นตีสี่ทำวัตรเช้า ตีห้าสี่สิบบิณฑบาต ฉันเช้าเจ็ดโมง ช่วงเช้าท่องบทสวดมนต์ต่าง ๆ เที่ยงฉันเพล เวลาว่างจริง ๆ คือบ่ายโมง บ่ายสามกว่าๆ ไปทำกิจต่างๆ เช่น กวาดนั่นนี่บ้าง เก็บหญ้าที่หลวงพี่ตัดไว้บ้าง 4 โมงเย็น ทำวัตรเย็น หลังจากนั้น ถึงเป็นเวลาส่วนตัวอีกครั้งหนึ่ง แต่วันไหนมีกิจนิมนต์ ก็แทบจะไม่มีเวลาว่างเลย ช่วงเดือนแรก ๆ แทบจะไม่ได้อ่านหนังสือสอบเลย ได้อ่านจบแค่ พรบ.การศึกษา 1 เดือนเต็มๆ เพราะด้วยกิจของสงฆ์มั่ง บทสวดมนต์ต่างๆที่ต้องจำอีก ตอนนั้นก็คิดนะ ว่าจะเอาไงดี ถ้างั้นจำบทสวดมนต์ต่าง ๆ ให้ได้ซะก่อน หลวงปู่จะได้ดีใจ เราจะได้อ่านหนังสือของเรา
advertisement
พอมาเดือนที่สองก็ได้เริ่มอ่านหนังสือสอบจริง ๆ จังสักที 10 วัน ก็ได้พรบ.เกี่ยวกับครู เด็ก คนพิการที่เหลือ แล้วตอนนั้นคืออ่านไปตามหลักสูตรของครูผู้ช่วย สพฐ. ไง ก็คิดว่าอ่านพรบ.ครบแล้ว แต่ไม่เลยคับผม ลืมไปว่าตัวเองสอบ อปท. ท้องถิ่น มานั่งเปิดหลักสูตรที่จะออกสอบ ชิบหายยยย กฎหมายเกี่ยวกับการปฏิบัติงานราชการ 11 ฉบับ เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือน ไม่ถึงเดือนจะสอบแล้วววว เอาไงดีๆ โทรให้โยมพ่อหาหนังสือมาให้ด่วนๆ
จากนั้น มาคิดทบทวนว่าเป็นเพราะอะไร ทำไมเราอ่านหนังสือได้ช้าขนาดนี้ อ๋ออออออ #โทรศัพท์ นี่เอง เราเสียเวลาไปกับการอ่านนั่นอ่านนี่ไปเรื่อย เลยโทรให้โยมเพื่อนมาเอาโทรศัพท์ไปเลย เอามันไปไกลๆ ใกล้วันสึกค่อยเอามาคืน
พอโทรศัพท์จากไป ได้หนังสือมา ก็จ๊วดดดดเลยคับ จัดจนครบ 11 ฉบับ ทั้งหลังฉันเช้า หลังฉันเพล ก่อนนอนอ่านแบบไม่ดูเวลา กำหนดเป้าหมายเอาวันนี้จะอ่านถึงไหน เพื่อให้ทันมากที่สุด
advertisement
เหลือ 3 วันที่จะได้โทรศัพท์คืน ก็มาอ่านวิชาชีพครูต่าง ๆ เช่น จิตวิทยา คุณธรรม จริยธรรม ฯลฯ ตามที่เขากำหนดไว้ว่าจะออกสอบ หลังจากได้โทรศัพท์ ก็อ่านแบบไม่กดดันตัวเองละ อ่านนั่นนี่ไปเรื่อย อ่านในโทรศัพท์บ้างจนถึงวันลาสิกขา
หลังจากวันนั้นคือไม่ได้อ่านหนังสือสักเล่มเลย ข้อมูลอะไรในโทรศัพท์ก็ไม่อ่านไปจนถึงวันสอบ ก็ไม่ได้เอาอะไรไปอ่านด้วย พูดถึงสถานที่สอบ เนี่ยก็ปรึกษาหมอดู หมอดูบอกให้เลือกลงที่ไกล ๆ บ้าน ภาคใต้ได้ยิ่งดี ได้แน่นอน พอถึงวันสมัครออนไลน์ สาขาวิชาเอกของเรา มีแค่ภาคกลาง กับภาคใต้ ถามพ่อ พ่อบอกไปใต้เลย คนน่าจะลงน้อยเอาวะไปภาคใต้ก็ไป พอสมัครเสร็จถามเพื่อนในห้อง เอ้าาา ลงภาคกลางกันหมด มีแค่เราที่เลือกลงภาคใต้
วันประกาศจำนวนชื่อผู้สมัครสอบ ภาคกลางประมาณ พันกว่าๆ ภาคใต้เราประมาณ 600 แต่มันก็ไม่สำคัญไง เพราะยังไงเราก็ต้องแข่งกับตัวเองก่อน ให้ผ่านร้อยละ 60 ทั้งภาค ก และ ภาค ข 555555555
เมื่อถึงวันใกล้สอบ ก็ได้เดินทางมาจากอุบลราชธานีมายัง สถานที่สอบ จังหวัดชุมพร กราบไหว้เจ้าที่เจ้าทางที่โรงแรม เดินทางสำรวจจากที่พักไปโรงเรียนยังไง
พอถึงวันสอบตื่นขึ้นมาอาบน้ำ เช้าหน่อย เพราะหมอดูบอกให้ออกจากที่พักก่อน 7 โมง (แล้วบอกให้หาอะไรสีแดงใส่ไว้ นี่ใส่เสื้อแดงไม่ได้ไง เขาให้ใส่สีขาว เทาและดำเท่านั้น ก็เลยใส่ #กางเกงในสีแดง ไปสอบ 555) ไหว้พระบูชาพระรัตนตรัย นะโม 3 จบ อิติปิโส พาหุง ชัยมงคล จบด้วยสัพมงคลคาถา แล้วเดินทางไปสนามสอบ
พอถึง รร. ลืมซื้อดินสอ 2B ต้องวิ่งหาร้านขาย ซื้อเสร็จกลับมา รร. เห็นเขาถือบัตรเข้าห้องสอบ งง เลยจ้า ทำไมไม่เหมือนเราวะ 5555 วิ่งไปถามเพื่อนๆ คนอื่น เขาบอกว่าของเราอ่ะใบสมัคร ไม่ใช่บัตรเข้าห้องสอบ นี่ก็วิ่งหาร้านเลย 555555 กว่าจะเจอ แต่ก็กลับมาทันยุ เพื่อนบอกว่า นี่แหละ มีแต่เรื่อง สอบได้แน่ๆ
พอเข้า รร. ไหว้พระที่ รร. ขอพร พอถึงห้องสอบระหว่างรอข้อสอบรอเวลาสอบ คนอื่นทำไรไม่รู้ ส่วนเราสวดมนต์บทเก่านี่แหละ 5555 จนสอบ ช่วงเช้าภาค ก ให้เวลา 2 ชม. ใช้เวลาไปครึ่งชั่วโมง รวมตรวจทาน ทำเสร็จสวดมนต์ใหม่เป่า ปิดข้อสอบ สลบลงนอน
มาช่วงบ่าย ภาค ข 2 ชม.ครึ่ง ใช้เวลาไป 1 ชม. ก่อนสอบรอเวลา กับหลังทำข้อสอบเสร็จ ก็ยังคงสวดมนต์เหมือนเดิม แล้วก็เป่า ปิดข้อสอบนอน
สอบเสร็จแล้ว ความรู้สึกที่ได้ ไม่มีคำว่า จะสอบผ่านไหมหนาาาาา แต่มั่นใจมาก เพราะรู้สึกว่าทำได้เป็นส่วนใหญ่ แล้วก็เดินทางกลับแดนอีสานบ้านเกิดเมืองนอนวันต่อมา
กลับมาบ้านก็จ้างน้องในคณะ ทำแผ่นพับและหนังสือแนะนำตัวเพื่อใช้ในการสัมภาษณ์ภาค ค เลย ที่จริงทำเองได้แต่ขี้เกียจทำ 55555 ก็ปรึกษาหมอดู หมอดูก็บอกให้ทำโทนชมพูอ่อนๆ เลยบอกน้องจัดมา เป็นชมพูพาสเทลจ้า 5555555
แล้วก็ประกาศผลสอบออกมา นี่ไงมีชื่อขึ้นบัญชี ในส่วนของเขตเราจากสอบ 600 กว่าคน เหลือประมาณ 40 คน ให้ผู้ที่มีรายชื่อสอบสัมภาษณ์ ที่ ม.วลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช
advertisement
เมื่อถึงวันเดินทาง ก็เดินทางก่อนล่วงหน้าวันสอบ 2 วันจองที่พักในเมือง เพื่อจะได้ไปเที่ยว ได้ไปไหว้พระธาตุด้วย ตกดึกมาก็เดินเลาะถนนคนเดิน ของเยอะจริง การแสดงนั่นนี่ก็มี อารมณ์เหมือนที่เชียงใหม่ แต่เป็นแบบภาคใต้
สำหรับการเตรียมตัวการสัมภาษณ์ ซ้อมการแนะนำตัวทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาไทย บอกเล่าเรื่องราวของเราให้ครบมาจากไหน อะไรมาบ้าง เคยทำอะไรมาตอนเรียนหนังสือ ความสามารถพิเศษคืออะไร แล้วก็จำสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อปท. ท้องถิ่นและพื้นที่ภาคใต้ ตั้งคำถามที่คาดว่าเขาจะถาม โพสต์ลงเฟสบุ๊ค ให้เพื่อนในเฟสบุ๊คระดมคำถามมาถามเรา
พอถึงวันสัมภาษณ์ ก็ได้ติดต่อร้านแต่งหน้าไว้ เพื่อจะได้ไปแต่งหน้าไปสอบ 55555 บอกพี่เขาว่าเอาลุคเบาๆ แต่งเหมือนไม่ได้แต่งงี้ 5555 ส่วนชุดสอบเหรอ ใส่สีชมพูคับ สีนำโชคเรา แต่งเสร็จช่างก็ถามว่าจะไปม.ยังไง เราก็บอกว่า เดี๋ยวหารถไปบขส. แล้วนั่งรถตู้ไป ม. คับ เดชะบุญ พี่เขาใจดีมากกกกก ก็เลยบอกว่า เดี๋ยวให้แฟนพี่ไปส่งที่บขส. เดี๋ยวไปไม่ทัน
พอไปถึงปุ๊บ โอโห้แต่ละคนแต่งตัวดีมากกก ใส่สูท ผูกไทค์กัน มองมาทีเราเชิ้ตแขนยาวสีชมพู กางเกงสแล็คขายาวสีดำ กับรองเท้าหนังธรรมดาที่ไปเรียน เอาวะไม่เป็นไร การแต่งกายไม่เต็ม แต่หน้าตาเราเป๊ะ และดีมาก 55555 รอยยิ้มก็กระชากใจ สายตาก็เย้ายวน คาถามหาเสน่ห์ก็มี จะไปกลัวไร 5555555 [ads]
และตอนนั้นมาก่อนเวลาหลาย ชม. มาก ประมาณ 10 โมง เพราะของเราสอบสัมภาษณ์ช่วงบ่าย และเป็นรอบบ่ายสาม โอ๊ยยยย อุตส่าห์ตื่นมาแต่เช้า มาแบบเร่งรีบ 5555 ก็เลยต้องหาที่พักผ่อนไปเรื่อย พอถึงเวลาใกล้สอบ ก็จะให้ผู้เข้าสอบไปกรอกรายละเอียดต่าง ๆ ก็ไปนั่งรวมกันกับเพื่อน ๆ คนอื่น
ในระหว่างนั้น เราก็ถามเขานะว่า จะลงที่ไหนกันถ้ามีให้เลือก ส่วนใหญ่ก็บอกว่า สุราษฎร์ธานีกัน เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยว เมืองใหญ่ และหลายๆคนก็เป็นคนสุราษฎร์ (คิดในใจ หุหุหุ สุราษฎร์ธานีหรอ โอเค เก็บไว้พิจารณา) พอเขาถามเราว่าจะลงที่ไหน เราก็บอกว่า ไม่รู้ว่าควรไปไหนดีเพราะ เรามาไกล มาจากอีสาน จังหวัดอุบล ไม่ค่อยรู้รายละเอียดแถวนี้เท่าไหร่ แต่ก็อยากไปรร.ที่มีมัธยม อยากสอนมัธยมมากกว่า
พอถึงคิวเราสัมภาษณ์ เขาอนุญาตให้นำเอกสารแผ่นพับและหนังสือที่เราเตรียมมาเข้าไปแค่ชุดเดียว (อุตส่าห์ทำมาซะครบคน เสียตังทิ้งไปเฉยๆเลย งื้ออออ) เข้าไปแนะนำตัวทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาไทย มีกรรมการดูเอกสารที่เราเตรียมมาแค่คนเดียว ที่เหลือ 2 คน ไม่ดู คำถามแรกฝึกสอนสนุกไหม ได้อะไรล้าง คำถามที่สอง ถ้านักเรียนไม่ตั้งใจเรียนจะทำอย่างไร คำถามสุดท้าย ถ้านร.ใช้โทรศัพท์ในห้องทำไง โอ๊ยยยยย นี่อุตส่าห์นั่งจำข้อมูลนั่นนี่ ซ้อมตอบคำถามแบบแอ๊ดวานซ์ การเรียนรู้ศตวรรษ21 เรียนแบบ 4.0 เรียนแบบ Active Learning เจอคำถามแบบนี้เป็นงง ไม่ใช่ว่าตอบไม่ได้ แต่คิดว่าเขาคงมีคนในใจแล้วล่ะ เลยถามคำถามง่ายๆกับเรา แบบถาม ๆ ไปพอเป็นพิธี
ออกมาจากห้องคือ สติหายไปเลย ไม่ได้แน่ๆ ถามง่ายจัง ถามแบบไม่สนใจเราด้วย เดินไปกำลังจะขึ้นรถ โทรศัพท์ดังเข้ามา "สวัสดีค่ะ มาโนชใช่ไหม นี่ครูประจำห้องสอบน้องนะ" อ่อใช่คับ ไม่ทราบว่ามีอะไรหรือเปล่าคับ "อ๋อ น้องลืมเอกสารของน้องไว้ในห้องสอบสัมภาษณ์ค่ะ กลับมาเอาก่อนนะ" ชิบหายยยยย นอกจากไม่ได้อยู่ในสายตาเขา ยังทำนิสัยขี้ลืมอีกจนได้ ตาย ๆ โดนตัดคะแนนไหมเนี่ย 5555 ตอนนั้นคือกลับรถตู้โดยความคิดไปคิดมาว่าจะได้ไหมหนอ แล้วก็ปลอบใจตัวเอง ช่างมันเถอะ อย่างน้อยชื่อก็ติดบัญชี เดี๋ยวเขาก็เลือกเราเองแหละ หมอดูก็บอกอยู่เราไม่ได้รอบแรกแน่นอน แต่รอไม่นาน จะได้รอบสองได้ที่ดีกว่า และมีสิทธิ์เลือกด้วย หลอกใจตัวเองไปให้มันดี
กลับมาถึงในเมืองนครฯ ก็ไปร้านที่ไปแต่งหน้า เพื่อไปขอเช็ดหน้า ล้างหน้า พี่ๆ เขาก็ใจดีนะ พอเสร็จแล้วก็ให้มังคุดกลับไปกิน แถมไปส่งกลับโรงแรมด้วย จากนั้นก็เดินทางกลับบ้านมาใช้ชีวิตฝันลมๆแล้งๆ ว่าจะได้อันดับดีๆกับเขา สวดมนต์ทุกวัน แผ่มหาเมตตาใหญ่ทุกวัน ใส่บาตรทุกวัน แต่ไม่ไปบนที่ไหน กลัวลืมไปแก้ (แต่มารู้ทีหลังว่าแม่ไปบนที่ศาลหลักเมืองจังหวัดมุกดาหาร)
แล้วผลสอบก็ออกมา นั่นไง รอบแรกเอา 10 คน เราได้ที่ 12 55555555555555 ก็ต้องนั่งรอวนไป
พอถึงช่วงธันวา ก็ได้ยินข่าวแว่วๆ มาว่าเขาจะเรียกรอบสอง นี่ดีใจรอเลย ต้องมีเราแหละ อยู่อันดับใกล้ขนาดนี้ นี่ก็รอแล้วรอเล่า ผ่านวันเกิด 18 ธ.ค. ก็ยังไม่มา พอวันที่ 19 ธ.ค. เท่านั้นแหละ เป็นของขวัญวันเกิดที่น่าจดจำมากที่สุดเลย เรียกให้ไปรายงานตัวที่ปทุมธานีนะ แต่เดี๋ยวนะ ทำไมมาเรียกช่วงใกล้ปีใหม่จัง ค่ารถ ค่าเครื่องต้องแพงแน่เลยและเราจะจองทันไหมเนี่ยยยยยยยยยยยย ประกาศปุ๊บนี่รีบจองเครื่อง จองที่พักเลย กลัวไม่ทัน จองที่พักเรียบร้อย ถึงวันเดินทาง ไปสำรวจเส้นทางก่อนวันรายงานตัววันนึง
พอไปถึงที่พัก พระเจ้าาาาาาาาา นี่ไม่ใช่โรงแรม นี่มันม่านรูด 555555 ว่าแล้วทำไมถูก เป็นประสบการณ์นอนม่านรูดครั้งแรก กลิ่นแบบหอมอโรมาเร้าอารมณ์มาก เตียงก็เด้งดี๊ดี ลายผนังก็สีทึบๆ ได้บรรยากาศ ห้องน้ำก็แบบอ่างอาบน้ำอย่างดี มีสบู่หอมๆ 55555 เนี่ยรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้พาใครไปนอนด้วย 555
พอถึงวันรายงานตัวก็ใส่เชิ้ตชมพู ตามสเต็ป แต่วันนี้ขอมีเน็คไทค์หน่อย แต่จะมาเอาธรรมดาก็จะซอฟต์ไป สีม่วงลายจุดขาวไปเล้ยยย ตามด้วยสแล็คสีเทา 555
ระหว่างการเดินทาง นั่งวินไป ณ สถานที่รายงานตัว เหี้ยยยยยย เหี้ยจริงๆ คลานผ่านหน้ารถ รถมอไซค์กลับต้องเบรค พอไปถึงที่หอประชุมรับรายงานตัว เวลา 10 นาฬิกา ถึงก่อนเวลาหน่อย เพราะเรารอบบ่าย ก็เลยหาข้าว หาน้ำกินรอ
advertisement
เมื่อถึงเวลาเข้าไปนั่งในห้องประชุม เขาจะให้เราเลือกสังกัด ว่าจะไปอยู่ เทศบาลหรือ อบต. อบจ. ไหน เรามีสิทธิ์เลือกเป็นคนที่ 2 ตอนแรกตั้งความหวังไว้ว่า อยากไป นครศรีธรรมราช ภูเก็ต อะไรงี้ เหตุผลมีไม่มา เพราะมีแต่ รร. มัธยม โอกาสได้สอนมัธยมมีสูงกว่า แต่ดั๊นนนน ไม่มีให้เราเลือกเลย
เราก็เลยต้องมานั่งเปิดดูรายชื่อโรงเรียนที่มีในแต่ละสังกัดที่เขานำมาให้เราเลือก ว่ามี รร.ไหนบ้าง ที่มีสอนมัธยม จะได้เลือกสังกัดนั้น (แต่ว่าตอนนั้นเราเลือกแค่สังกัดนะ ยังไม่ได้เลือก รร.) มอง ๆ ไปเจอ #เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี หันไปถามเพื่อนข้างๆ ในเมืองสุราษฎร์ธานีเป็นไงหรอ เพื่อนก็บอกว่าดีนะ เจริญดี ไปไหนมาไหนสะดวก (แต่เพื่อนเลือกทุ่งสง เพราะอยู่ใกล้บ้านตัวเอง) ก็เลยอ่ะถ้างั้นเราเอาสุราษฎร์นะ เสี่ยงดูละกัน หลังจากเลือกเสร็จ ส่งเอกสาร เข้าไปหาเพื่อนในกรุงเทพ ท่องเที่ยวยามราตรี วันต่อมาไปอยุธยา แล้วค่อยเดินทางกลับอุบลราชธานีบ้านเกิดเรา ขอจบเรื่องราวเพียงเท่านี้แล้วกันเนาะ ใครอยากรู้เรื่องราวต่อหรือเพิ่มเติม ทักมาถามในแชทได้เน้อ
2. สิ่งที่อยากจะบอก
– เวลามีคนมาถาม ทำไงถึงสอบได้ ทำไงถึงมีเวลาอ่านหนังสือ นี่ก็ชอบบอกว่า #ไปบวช 55555 จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจจะกวนหรอก แต่เอาจริง ๆ แล้ว ไม่ต้องถึงขั้นบวชก็ได้ แค่อยากให้ หาเวลาอ่านหนังสือให้ได้ โดยที่ตัวเอง ไม่วอกแวกไปทำอย่างอื่น และไม่มีคนรบกวนเวลาที่เรากำลังอ่านอยู่ เหมือนอยู่บ้านงี้ คนนั้นคนนี้เรียกมั่ง เพื่อนชวนไปเที่ยวมั่ง ไม่ไปกะเคียด ก็งอนงี้ 5555
– เคยสังเกตไหมว่า เมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ ทำไมเราถึงสามารถอ่านหนังสือได้นานกว่านี้ ทุกคนอาจลืมไปว่า ตอนเราเป็นเด็กประถม มัธยม ครูจะชอบบังคับ ให้เรานั่งสมาธินาน ๆ เพื่อฝึกฝนสมาธิเราให้ยาว เมื่อเราโตขึ้นมาเรื่อยๆ หลายคนมีการฝึกฝนสมาธิน้อยลง รวมถึงตัวผมเองด้วย แต่หลังจากได้บวช มีโอกาสได้นั่งสมาธิบ่อยมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เราจำทั้งบทสวดของพระ และเนื้อหาที่ใช้สอบได้ อีกทั้งยังสามารถใช้เวลาอยู่กับหนังสือ และเนื้อหาได้นานมากกว่าเดิมด้วย
– ลองห่างโทรศัพท์ เครื่องมือสื่อสาร อินเตอร์เน็ต สักสัปดาห์ สองสัปดาห์ สักเดือน เพราะขนาดผม ลองห่างโทรศัพท์ แค่ 15 วัน แต่ผมสามารถอ่าน กฎหมายและพรบ. ที่เกี่ยวกับข้าราชการไทย ได้ทั้ง 11 ฉบับ ได้ครบทุกมาตราเลย
– ไม่ต้องอ่านครอบจักรวาล ไม่ต้องอ่านทุกพรบ.ที่มีในประเทศ แต่ละการสอบ สพฐ. อปท. อาชีวะ กำหนดหลักสูตร เนื้อหาที่ใช้สอบไม่เหมือนกัน ควรดูหลักสูตรของแต่ละการสอบดีๆ ว่ามีสอบเนื้อหาอะไรบ้าง จะได้ไม่ต้องอ่านไปถั่วทีปถั่วแดน
– แนะนำว่าให้อ่านให้ครบทุกเนื้อหาให้ละเอียด ให้เข้าใจและมีความรู้พื้นฐานชัดเจนก่อน ก่อนที่จะไปหาทริค หาติวเตอร์มาช่วยติวให้ เพราะติวเตอร์ส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่นะ เขาจะติวทางลัด ติวหลักการจำง่ายๆ ติวสิ่งที่คาดว่าจะออกสอบบ่อย เพราะติวเตอร์ส่วนใหญ่ เขาก็คิดเหมือนกันแหละ ว่าเราก็ได้อ่านมาบ้างแล้ว ซึ่งก็มีบางส่วนที่ไม่ได้อ่านอะไรเลย เพราะก็มาหวังพึ่งติวเตอร์เหมือนกัน สุดท้ายก็จะรู้เฉพาะเท่าที่ติวมา แต่ข้อสอบ อย่าลืมว่า #ติวเตอร์ไม่ใช่ผู้ออกข้อสอบ ผมเป็นคนนึงที่การสอบครั้งนี้เราไม่ได้ไปติวที่ไหน เพราะบวชอยู่ก็ด้วยแหละ และก็ไม่มีตังค์ไปสมัครติว ไปซื้อหนังสือเขา แค่หนังสือที่เราซื้อมา ก็หมดหลายบาทแล้ว เลยต้องมานั่งอ่านเอง อ่านมันหมดทุกตัว แล้วก็ลองทำข้อสอบ ที่มีในหนังสือ ซ้ำไปซ้ำมา ทำผิดข้อไหน กลับไปอ่านเนื้อหาตรงนั้นใหม่อีกครั้ง วันถัดมามาสอบใหม่ แล้วก็อ่านเรื่องใหม่ไปด้วย
– ข้อสอบภาษาอังกฤษ ไม่ได้ยากถึงขั้นโทอิค โทเฟล แต่ก็ไม่ได้ง่ายจนน่าเกลียด ลองทำข้อสอบโอเน็ต ป.6 กับ ม.3 ย้อนหลัง ของทุกปีที่ผ่านมาดู ก็จะประมาณนี้แหละระดับความยาก #แนะนำว่าอย่าทิ้ง วิชาภาษาอังกฤษ เพราะรอบที่ผมสอบวิชาภาษาอังกฤษคือ 20 คะแนน ถ้าหายไปแล้ว 20 คะแนน เต็ม 100 เหลือ 80 คะแนน แล้วเกณฑ์ผ่าน 60 จะไม้เหลือข้ออื่นๆไว้ผิด
– เกณฑ์มันก็เปลี่ยนมาตลอดตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย อย่าไปสนใจ ถามตัวเราก่อนว่าพร้อมมากน้อยแค่ไหน อ่านมามากพอหรือยัง ถ้ายังไม่เตรียมตัว หรือไม่พร้อม ต่อให้เกณฑ์เอื้อเราแค่ไหน ยังไงก็ไม่ได้หรอก
– อย่าไปสนใจ ให้ค่านิยม หรือไปอ่าน สิ่งที่ตัดกำลังใจเรา ไม่ว่าจะเป็นพวกคอมเม้นท์ ข่าวลือต่าง ๆ เส้นสายเอย โรงเรียนเลือกครู อะไรเอย อย่าไปแคร์ ถ้าดีพอ ยังไงเขาก็เอาเราแหละ มั่นหน้ามั่นโหนกเข้าไว้ แล้วอ่านหนังสือ เตรียมตัวให้พร้อม ถ้ายังคิดว่าตัวเองจะสู้เส้นไม่ได้ คนไม่มีเส้นก็มีเยอะเหมือนกันแหละน่าาา ถีบตัว ดันตัวเองให้มาอยู่อันดับต้น ๆ สิ นี่เป็นคนนึงเหมือนกัน ที่แบบไม่ค่อยอ่อนไหวกับเรื่องเกณฑ์ใหม่ๆ เรื่องเส้น หรืออะไรเลยที่ผ่านมาให้เราเจอ เพราะคิดเสมอว่า ท้ายที่สุดแล้ว จุดเริ่มต้นของการพ่ายแพ้ ไม่ได้เกิดจากคนอื่น แต่เกิดจากตัวเราเอง ที่ยังทำตัวไม่คู่ควรพอ อาจเป็นเพราะเราชอบแข่งขันนั่นนี่ แพ้เป็นส่วนใหญ่ เราเลยมี #คำปลอบใจของคนแพ้ ซึ่งมันแข็งแรงกว่าคนที่ชนะมาตลอด
– ไม่เชื่อแต่อย่าลบหลู่ 555 ทำบุญไว้ด้วยเยอะ ๆ นะ ดั่งคำเขาที่ว่า นอกจากเราจะเก่งแล้ว เราต้องมีบุญพาวาสนาส่ง ถ้าจะให้เทียบก็เหมือนเรามี รถ 1 คัน ปัญญา ความรู้ที่มี ก็เหมือนยี่ห้อรถ อยากได้รถดีๆ ขับแรงๆ ก็ต้องหมั่นพัฒนาความรู้ การเตรียมพร้อมของเรา ความขยันอ่าน ขยันทำข้อสอบ ก็เหมือนความชำนาญในการขับรถ แต่มีเพียงเท่านี้เราจะไปถึงเส้นชัยได้ไหม ก็ได้นะ แต่ถ้าบุญไม่พา วาสนาไม่ส่ง ระหว่างทางก็อาจไปลำบากหน่อย แล้วถ้าเราทำบุญมาไว้ตลอดๆ สม่ำเสมอ เราก็จะแต่สิ่งดี ๆ คนดีๆ ดั่งมีถนนหนทางให้เราขับรถที่สะดวกและปลอดภัย
ผมเป็นคนนึงที่ครอบครัวก็เป็นชาวไร่ชาวสวน พ่อค้าแม่ขาย รายได้แต่ละเดือนก็น้อยนิด ใครจะไปคิดว่าวันนึง จะได้อยู่ในอันดับต้นๆ อาจไม่ใช่รอบแรก แต่ก็เร็วกว่าที่คิด แถมมีสิทธิ์ได้เลือกเป็นคนที่สองอีก มิหนำซ้ำยังได้ รร.ใหญ่ ในเมือง มีผู้ใหญ่ใจดีหลายๆท่าน และได้ที่อยู่อาศัย ที่มีผู้ใหญ่ใจดีเช่นกัน ให้เราอบอุ่นใจมาตลอด วันที่สอบสัมภาษณ์ ที่โดนถามคำถามเล็กๆน้อยๆ เหมือนไม่สนใจเรา ตอนนั้นก็แอบคิดนะว่า เรามันคนต่างพื้นที่ อาจสู้อะไรไม่ได้ คงจะติดบัญชีอันดับท้าย ๆ แหละ แต่มาวันนี้กลับนึกขอบคุณทุกอย่างที่จัดอันดับให้ผมได้มีสิทธิ์ได้เลือกที่ๆ จะไปบรรจุก่อนใครเลย ขอบคุณนะครับ
– ไม่แนะนำให้เชื่อผมในเรื่องการอ่านหนังสือไปทุกเรื่อง 555 เพราะการอ่านโดยใช้เวลา 53 วัน (จำนวนวันที่บวช) มันอันตรายมาก ๆ ผมยอมรับเลยว่า วิชาชีพครูบางวิชา เช่น จิตวิทยา บริหารจัดการเรียนรู้ และอีกมากมาย ผมไม่มีโอกาสได้อ่านอย่างเต็มที่ อ่านแบบผ่านๆ ดังนั้น ตอนนี้ทุกคนมีเวลาเตรียมมากกว่าผม รีบเตรียมตัวได้แล้วนะค้าบบบ อย่ารอให้สายเกินไป
– อย่าอ่านวิชาอื่น จนลืมอ่านวิชาชีพ หรือวิชาเอกของตัวเอง ตัวอย่างผมนี่ ไม่ได้อ่านวิชาของตัวเองเลย เพราะคิดว่าคงจะออกข้อสอบประมาณแบบการอ่าน การเขียน บทสนทนาทั่วไปแหละ แต่ไม่เลยคับผม มาเจอวิชา #วรรณกรรมภาษาอังกฤษ ซึ่งบอกตามตรงเลยว่า เป็นวิชาที่เข้าเรียนแล้วหลับทุกคาบ 55555555 ถามว่าแปลได้ไหม แปลได้ แต่ไม่รู้ที่ตอบไปถูกหรือเปล่า อารมณ์แบบ จากบทประพันธ์ผู้แต่งมีความรู้สึกอย่างไรงี้ แต่เป็นภาษาอังกฤษ ส่วนนึงก็คงต้องขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยที่ช่วยผลักช่วยส่งให้กาแม่น ๆ 5555
– เป็นคนนึงที่ตั้งเป้าว่าจะทำอะไร แล้วจะไม่สนใจสิ่งอื่นเลย "ฉันจะอ่านหนังสือเตรียมสอบ ฉันไม่รับงานอะไรแล้ว ไม่ไปสมัครที่ไหนด้วย ฉันจะอ่านหนังสือ ฉันจะต้องสอบให้ได้" และ เป็นคนที่ไม่แคร์ที่จะตอบคำถามคนทั่วๆไป ว่าทำงานไรอยู่ "อ๋อ ไม่ได้ทำคับ อยู่บ้าน ขายของช่วยแม่" ก็ตอบไปตามความจริง ไม่ได้แคร์ ไม่ได้สนใจ ไม่มีน้อยใจในโชคชะตา ว่าใครจะว่าไรเรา
– อย่ากลัวว่าจะไปห่างไกลจากบ้าน เพราะสุดท้ายแล้วนั้น #ไม่มีอะไรเป็นของเราไปตลอด แม้แต่ร่างกายเราก็เอาไปด้วยไม่ได้หลังจากที่สิ้นอายุขัยแล้ว ตั้งเป้าหมาย กราบพ่อกราบแม่ แล้วเดินออกไปโลด
– มีนิยาม มีแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง อย่างผมก็มีเพลง ๆ หนึ่งที่ทำให้ผมกล้าที่จะเสี่ยง และเดินทางตามความฝันโดยไม่หวั่นไหวต่อคำคนและสิ่งรอบข้าง
" ขอเพียงแค่ฝันให้ไกล แล้วไปให้ถึงที่จุดหมาย โปรดจงมั่นใจ ที่ทำลงไปนะถูกแล้ว อย่าฟังคำคน อย่าสนใจใคร อย่าเปลี่ยนแนว คนแน่แน่วเท่านั้น #ผู้ชนะ " ผู้ชนะ – เสก โลโซ จบแว้วววว ใครอ่านจบมั่ง 55555 #สู้ๆนะครับทุกคน แบงค์ก็จะสู้ ในเส้นทางที่จะเดินต่อไปเช่นกัน #มีข้อสงสัยอะไรถามได้นะ ยินดีตอบ เหงา 555
เป็นยังไงกันบ้าง ต้องบอกเลยว่าความสําเร็จอยู่ที่ความพยายามและการลงมือทำอย่างมีวินัย ประสบการณ์ของน้องคนนี้หวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่กำลังท้อแท้ในการอ่านหนังสือเตรียมสอบบรรจุครูทุกๆ สนามกันนะครับ
เรียบเรียงโดย : thaihitz.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก BAnk BAnk Manot
advertisement