advertisement

อุทาหรณ์บินโดรนถ่ายรูป เจอความผิด ค่าปรับเกือบ 3แสน


advertisement

      เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่ชอบใช้โดรนในการถ่ายภาพ คลิปวิดีโอ หรือกิจกรรมต่างๆ ได้เป็นอย่างดี เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้เล่าประสบการณ์ลงในกลุ่ม ชมรมคนเล่นโดรน หลังจากที่เมื่อปี 60 เขาได้ใช้โดรนบินถ่ายภาพสวยๆมาโพสต์ลงโซเชียล แต่ไม่กี่เดือนถัดมา เขาได้รับโทรศัพท์จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เพราะเขาได้กระทำผิดกฎหมายในการบินโดรน

        หลักฐานทั้งหมดคือรูปภาพของเขา และโดนเรียกค่าปรับเกือบสามแสนบาท จนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลหลายครั้ง โดยเขาได้เล่ารายละเอียด ดังนี้

        "สวัสดีครับเพื่อนๆชาวโดรนทุกคน ขอแบ่งปันประสบการณ์จากการโดนเรียกปรับจากสนง.การบินพลเรือนเนื่องมาจากการบินโดรนโดยไม่มีใบอนุญาติ บินยามวิกาล บินในพื้นที่ชุมชนและการทำการบินเกินกว่าที่กฏหมายกำหนดไว้คือ90เมตร ฝ่าฝืนมาตราที่24 ตามพรบ.เดินอากาศ ปีพ.ศ.2497 ซึ่งเป็นข้อกฏหมายที่มีมานานมากแล้ว แต่เครื่องบินโดรนเพิ่งจะมีบินกันทั่วฟ้าเมืองไทยได้ไม่กี่ปี แต่พรบ.เดินอากาศนี้ก็ยังครอบคลุมอยู่จนถึงปัจจุบัน

        เรื่องเริ่มมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปี2560 มีโทรศัพท์จากสนง.การบินพลเรือนโทรเข้ามาหาผม แจ้งว่าผมได้กระทำความผิดปล่อยโดรนโดยไม่ได้รับอนุญาติตามสถานที่ต่างๆช่วงระหว่างวันที่ 8สิงหาคม – 14กันยายน พ.ศ.2560 ฝ่าฝืนมาตราที่24 พรบ.เดินอากาศปี2497


advertisement

        ให้เข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงที่สนง.การบินพลเรือนหลักสี่ ตอนแรกก็ตกใจเหมือนกัน สอบถามพี่ๆในวงการถ่ายภาพก็ไม่มีใครเคยโดนมาก่อน ขั้นตอนการโดนเรียกให้ไปชี้แจงเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้เลย จนถึงวันที่ไป ผมก็นั่งฟังเจ้าหน้าที่ไปก่อน ไม่ได้เสนออะไร ก็ชี้แจงไปตามภาพและหลักฐานที่เค้าแคปเจอร์ภาพถ่ายมาจากเฟซบุ๊ค ปริ้นท์ออกมาเต็มหน้ากระดาษ ขนาดA4 ซึ่งผมก็อธิบายตอบคำถามในแต่ละภาพเท่าที่จำได้ บินด้วยโดรนชนิดไหน รุ่นไหน บินด้วยความสูงเท่าไหร่ ทำการขึ้นบินตรงไหน ปล่อยโดรนบินวันที่เท่าไหร่และเวลากี่โมง ผมตอบครบหมดทุกภาพรวมทั้งหมด 8 ภาพ ผมสอบถามกลับว่าทำไมผมจึงโดนเรียกทั้งๆที่แต่ละภาพนั้นผมลอกเลียนแบบคนที่บินมาก่อนในเฟซบุ๊คทั้งนั้น ทำไมไม่เคยมีใครเคยโดนเลย เค้าบอกกำลังจะทะยอยเรียกบุคคลเหล่านั้น การมาชี้แจงวันนี้ก็จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการต่อไป และสุดท้ายให้ผมมีข้อเสนอแนะอะไรมั้ย ผมก็ระบุไปว่า ผมไม่ทราบข้อกฏหมายจริงๆ ทำการขึ้นบินโดยเน้นว่าไม่ไปบินบริเวณสนามบินและพื้นที่เขตกองทัพ และเขตพระราชวัง และห้ามบินโดยอย่าให้เกิดอุบัติเหตุเด็ดขาด (ผมคิดเท่านั้นจริงครับ) แต่ก็ยอมรับผิดว่าได้กระทำความผิดฝ่าฝืนพรบ.จริงและจะขอนำการทำผิดครั้งนี้ไปตักเตือนคนอื่นๆต่อไป และตัวเองก็ไม่ทำแล้ว ขอความเห็นใจจริงๆ (ตอนที่ผมเข้าไปชี้แจงนั้นโดรนสปาร์คของผมตกน้ำที่อ่าวฮ่องกงไปก่อนหน้าแล้ว) ก็จบเท่านั้นละครับ ผมนึกว่าเรื่องจบแล้ว คงเป็นการตักเตือนจริงๆ แต่ไม่ใช่เลย

        จากเดือนตุลาคมปี2560ล่วงเลยมาถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี2561ผมได้รับจดหมายอีก1ฉบับและโทรศัพท์มาจากสนง.การบินพลเรือนอีกครั้งให้เข้าไปรับฟังพิจารณาเปรียบเทียบปรับ ผมสอบถามว่าเท่าไหร่ ปลายสายตอบผมกลับมาว่าทั้งหมด 290,000บาท ใช่ครับฟังไม่ผิด สองแสนเก้าหมื่นบาท!!! ลดค่าปรับให้สามหมื่นบาทจากค่าปรับทั้งหมด 320,000บาท ผมโมโหมากจนแทบจะสบทคำด่าอยู่ในใจแต่ก็ตอบไปว่าผมไม่ไปและจะไม่จ่ายและพร้อมจะโดนดำเนินคดี ใครมันจะไปคิดว่าการมีโดรนบินเล่นสักตัว ซึ่งเรายอมรับว่าบินผิดกฏหมายจริง แต่ไม่เคยมีใครพูดถึงเรื่องค่าปรับที่มหาโหดขนาดนี้มาก่อน ตอนนั้นผมพยายามวิ่งเต้นอยู่ครับ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครช่วยได้ ถึงขั้นว่าจะเพิกเฉยไม่สนใจมันเลย แต่สุดท้ายไม่อยากหนีปัญหาครับ เพราะคดีมีอายุความ5ปี หมายเรียกมาไม่ไปก็จะตามด้วยหมายจับ เพิกเฉยไปมันจะใช่เหตุ ผมยอมโทรเข้าไปที่สนง.การบินพลเรือนเพื่อขอเข้าพบคณะกรรมการอีกครั้งช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์


advertisement

        ใช้เวลาเกือบค่อนวันกว่าจะออกมาจากห้องประชุม ก็คุยกันดีดีด้วยเหตุผล ข้างในห้องประชุมมีจนท.หลายฝ่ายเป็นสิบกว่าคน ผมพยายามคุยร้องขอเพื่อให้ทางคณะกรรมการลดค่าปรับ แต่ก็เหมือนเดิม ต้องระวางโทษปรับตามมาตราที่78 ไม่มีการลดค่าปรับและไม่มีใครช่วยได้ ถ้าจ่ายค่าปรับตรงนี้ ก็จะไม่มีการดำเนินคดีใดๆ จบตรงนี้เลย(เอาจริง ๆ เหมือนมัดมือชกมากๆ เพราะมาตราที่78ของพรบ.เดินอากาศนั้น ระบุไว้ว่าปรับสูงสุดไม่เกินสี่หมื่นบาท นั่นหมายความว่าตั้งแต่.25สตางค์แรกก็สามารถปรับได้ แต่จะปรับที่ยอดสูงสุด ผมมองว่าเป็นเรื่องที่แย่มากๆ) คณะกรรมการบางท่านพยายามอธิบายให้เราเห็นภาพว่าถ้าเรื่องไปถึงศาลก็อาจจำคุก เพราะโทษมีทั้งปรับและจำคุก เราก็รู้สึกกลัว แต่ผมโทรถามเพื่อนทนายในตอนนั้น ก็บอกว่าใช่ มันมีข้อนี้ทั้งจำทั้งปรับ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจศาล แต่ผมเชื่อมั่นตัวเองว่า ไม่มีเจตนาบินโดรนเพื่อบุกรุกสถานที่ ไม่มีเจตนาก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัย หรือ ล่วงละเมิดความมั่นคงของชาติแต่อย่างใด คือทุกอย่างพูด คุย อธิบายไปหมดแล้ว แต่ทำไรไม่ได้เลย

        สุดท้ายในวันนั้นผมไม่เซนต์ชื่อยอมรับชำระค่าปรับ เพราะถ้าเซนต์ต้องจ่าย 2แสน9หมื่นบาท ภายใน30วัน ผมยอมไปสู้คดีในศาลต่อไป รอหมายเรียกมาจากสน.ตำรวจ สู้คดีกันอีกยาว

        ผมโดน2แสน9หมื่นบาท ไม่จ่าย ไปสู้คดีในศาลต่อไป ซึ่งทางออกเป็นไปได้สองทาง คือ

        1. รับสารภาพ ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง

        2. ทั้งจำทั้งปรับ เพราะเป็นคดีอาญา

        ผ่านไปจนถึงกรกฏาคมที่ผ่านมา ผมได้รับโทรศัพท์จากนายตำรวจที่สน.ราษฏร์บูรณะให้ไปติดต่อเพื่อทำสำนวนส่งฟ้องศาล ซึ่งก็ได้มีการนัดวันไปพบช่วงเดือนสิงหาคมถัดมา ที่นี่ผมบินที่สะพานแขวน ซึ่งผมก็ยอมรับข้อกล่าวหาทั้งหมด 1 กรรม สรุปศาลท่านพิจารณาปรับ5,000บาทและมีโทษจำคุกด้วยแต่รอลงอาญาไว้1ปี ถัดจากนั้นอีก1เดือน ผมตามเรื่องเองด้วยการโทรสอบถามกับฝ่ายกฏหมายของสนง.การบินพลเรือนว่าได้ส่งฟ้องไปที่สน.ไหนบ้าง ผมจะได้ไปติดต่อคดีความต่าง ๆ ที่เหลือให้มันจบ


advertisement

     บางครั้งเราไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดี แต่ก็อาจจะละเมิดข้อกฎหมายบางข้อไปโดยไม่รู้ตัว คนที่ชื่นชอบการเล่นโดรน ก็ต้องระมัดระวังกันมากขึ้นค่ะ

เรียบเรียงโดย : thaihitz.com


advertisement