advertisement
จากกรณี เมื่อวาน (3 เม.ย.63) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงนามในข้อกําหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พศ 2548 ฉบับที่ 2 ระบุว่า ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรและได้ออก ข้อกําหนด ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 25 มีนาคม พศ 2563 แล้ว นั้น เพื่อให้มีมาตรการต่าง ๆ เพิ่มขึ้นตามความจําเป็นเพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ยุติลง ได้โดยเร็ว อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกําหนดเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 ดังต่อไปนี้ข้อ 1 ห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22 00 น ถึง 04 00 น ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจําเป็นหรือเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ การธนาคาร การขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ผลผลิตการเกษตร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ หนังสือพิมพ์ การขนส่ง น้ำมันเชื้อเพลิง การขนส่งพัสดุภัณฑ์ การขนส่งสินค้าเพื่อการนําเข้าหรือส่งออก การขนย้ายประชาชน
ผู้ใดฝ่าฝืนข้อนี้ ต้องระวางโทษจําไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจํา ทั้งปรับ ทั้งนี้ ตามมาตรา 18 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พศ 2548ข้อ 2 ในกรณีที่มีการประกาศหรือสัง ห้าม เตือนหรือแนะนําในลักษณะเดียวกับข้อ 1 วรรคหนึ่ง สําหรับจังหวัด พื้นที่หรือสถานที่ใดโดยกําหนดเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาที่เข้มงวดหรือเคร่งครัด กว่าข้อกําหนดนี้ ให้ปฏิบัติตามประกาศหรือคําสั่งนั้นต่อไปด้วย [ads]
ข้อ 3 ในกรณีที่ไม่อาจเคลื่อนย้ายบุคคลใดซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเพื่อออกไปนอก ราชอาณาจักรได้ ให้คณะกรรมการติดต่อจังหวัดหรือคณะกรรมการติดต่อกรุงเทพมหานครจัดที่ เอกเทศเพื่อควบคุมหรือกักกันบุคคลดังกล่าวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคตามเงื่อนไขและ ระยะเวลาที่กําหนดทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน พศ 2563 เป็นต้นไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ประกาศ ณ วันที่ 4 เมษายน 2563
ใครที่ฝ่าฝืนข้อบังคับตามการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องระวางโทษจําไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจํา ทั้งปรับ
เรียบเรียงโดย : thaihitz.com
advertisement