advertisement

เผยวินาที ก็อตซิลล่า ลิงแสมกัดมือนักข่าวสาว แผลลึกถึงกระดูกอาการหนัก


advertisement

      จากกรณี  กรมอุทยานแห่งชาติรับตัวเจ้าก็อตซิลล่า ลิงแสมที่มีน้ำหนักตัวมากผิดปกติไปดูแล พบอาการสดชื่นดี แสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติของลิง เจ้าหน้าที่เริ่มปรับโภชนาการทำให้น้ำหนักเริ่มลดลงไป 4 ขีดแล้ว 

       ต่อมา มีนักข่าวจากสถานีโทรทัศน์ PPTV ไปทำข่าวทีตลาดมีนบุรี แต่ปรากฏว่าถูกเจ้าก็อตซิลล่ากัดที่มือ จนต้องไปทำแผลที่โรงพยาบาล 

       ผู้ที่ถูกกัดคือ น.ส.ณัฐชา หน่องพงษ์ หรือ น้องเพลง ผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ PPTV โดยเธอเล่าผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าได้ลงพื้นที่ไปทำข่าวเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า… 

       หลังจากที่หายไป1อาทิตย์กว่าๆ วันนี้จะขอใช้พื้นที่ส่วนตัวอธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่ “เราถูกลิงกัด” ถึงแม้ว่าร่างกายและจิตใจตอนนี้จะยังไม่พร้อม แต่เราถูกพาดพิงเยอะมากจนต้องขอออกมาชี้เเจง

       ต้องขอบอกก่อนว่าไม่ได้จะออกมาแก้ตัว หรือโทษว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นความผิดใคร เรื่องของน้อง(ก็อดซิลล่า) เราในฐานะคนเลี้ยงสัตว์เหมือนกัน เราเข้าใจหัวอกเจ้าของดี ที่ต้องถูกจับแยกกับน้อง

       เจตนาเดียวหลังจากที่เราได้รับมอบหมายให้ไปทำข่าวนี้ คือการไปแชร์ความน่ารักของน้อง และช่วยหาแนวทางการดูแล เพราะน้องมีน้ำหนักที่มากเกินไป อาจเสี่ยงที่จะเป็นโรคได้ ไม่ได้มีเจตนาจะไปวุ่นวายหรือต้องการให้น้องถูกจับไป


advertisement


advertisement

       ข้อความหลังจากนี้เพื่อต้องการอธิบาย ไล่เรียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนั้น และเเชร์ประสบการณ์ของตัวเอง ขอความกรุณาได้โปรดเป็นผู้ฟังที่ดีอย่าใช้ถ้อยคำดูถูก หรือหยาบคาย

       – 24/03/64 ประมาณ08.30 เราได้รับมอบหมายงานให้ไปทำข่าว ลิงแสม ที่ชื่อ “ก็อดซิลล่า” ย่านมีนบุรี เราและพี่ในออฟฟิศช่วยกันหาข้อมูลอยู่ประมาณ15นาที จนได้เบอร์ติดต่อเจ้าของคือ คุณลุงมานพ

       – เรารีบโทรติดต่อไป มีเสียงผู้หญิงรับ จึงแนะนำตัวพร้อมกับบอกเจตนา // ซึ่งปลายสายแจ้งว่าขอปรึกษากับครอบครัวก่อน เราโอเคไม่เร้าหรือ

       – ประมาณ5นาที เจ้าของติดต่อกลับมา บอกว่า ให้เราไปได้เลย มาถึงสัก09.30 น. นะเพราะจะอาบน้ำแต่งตัวให้น้องก่อน และจะล่ามน้องไว้

       – ระหว่างนั้นเราโทรหาพี่นักข่าวที่เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่า เพื่อศึกษาข้อมูล และหาเบอร์คุณหมอ โดยพี่เค้าเตือนเราว่าลิงแสมเป็นสัตว์ป่า อาจจะดุร้าย ให้เราระวังตัว

       – 09.30 เราไปถึง เจอเจ้าของและน้องนั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน ที่ตัวน้องมีเชือกล่ามไว้โดยมีเจ้าของจูงอยู่ เราเดินเข้าไปแนะนำตัว และทักทายตามมารยาท และยืนดูน้องอยู่ห่างๆ

       – ระหว่างที่พูดคุยกัน เรายืนกอดอกตลอด เพราะกลัวว่ามือไม้จะทำให้น้องตกใจ // เราพยายามถามเจ้าของตลอดว่าน้องดุไหม น้องมีพฤติกรรมอย่างไร หวงของไหม ซึ่งตลอดระยะเวลาตรงนั้น “เจ้าของพยายามพูดให้เราจับน้อง” หลายครั้ง (เรามีหลักฐานที่ช่างภาพถ่ายไว้) [ads]

       – ผ่านไปประมาณ 10นาที เราเริ่มรู้สึกไว้ใจมากขึ้นจึงโน้มตัวลงไปเล็กน้อยเพื่อเรียกชื่อน้อง แต่เชือกที่ถืออยู่หย่อนเกินไป น้องกระโจนขึ้นมาคว้ามือไปกัด

       – วินาทีนั้นเรารู้แค่ว่ามันแรงมาก หลังจากเห็นแผลเรารู้ทันทีว่า ต้องไปหาหมอ สภาพแผลตอนนั้นลึกถึงกระดูก เป็นรอยฉีกขาดขนาดใหญ่ เรารีบเอาเสื้อคลุมพันนิ้ว และบอกกับทีมว่า ไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!!

       – ไปโรงพยาบาลแรก หมอบอกว่าแผลลึกมาก ซึ่งที่นี่อุปกรณ์ไม่พร้อม จึงให้เราไปรักษาอีกที่ ระแวกใกล้กัน เมื่อถึงโรงพยาบาลที่สอง หมอเรานอนรออยู่2ชั่วโมง กว่าจะได้รับการรักษา ตอนนั้นผลเอกซเรย์บอกว่ากระดูกไม่แตกหัก หมอจึงเย็บแผลปิด 


advertisement

       – แต่เรารู้สึกว่านิ้วมือขยับไม่ได้ และไม่รู้สึก จึงรีบประสานกลับไปทางออฟฟิศเพื่อขอย้ายไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลในกรุงเทพ ซึ่งโรงพยาบาลนั้นมีเครื่องสแกน MRI

       – ปรากฎว่าเมื่อมาถึงโรงพยาบาลที่3 หมอแจ้งว่ามีเส้นเอ็นและเส้นประสาทที่ชำรุด ต้องผ่าตัดด่วน วันนั้นเราเข้าห้องผ่าตัดตอน 20.00 น. และออกมาตอน 23.00 น. ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี รุ่งขึ้นอีกวันเรากลับมาพักฟื้นที่บ้าน

       – หลังจากนั้นเราไปล้างแผลและฉีดวัคซีนตลอดที่โรงพยาบาล วันที่28/03/64 หมอที่โรงพยาบาลแจ้งว่าแผลติดเชื้อ เพราะแผลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ บวกกับผลเลือด จึงส่งตัวกลับมาที่โรงพยาบาลเดิม

       – 29/03/64 เราเข้าห้องผ่าตัดเป็นรอบที่2 คราวนี้เปิดเเผลยาวขึ้น บวกกับผลเลือดเรา เม็ดเลือดขาวเหลือแค่3000 เซลล์/ไมโครลิตร ซึ่งคนปกติควรจะมี 8000-11000 เซลล์/ไมโครลิตร //ซึ่งอาจจะมาจากการติดเชื้อ

       – ตอนนี้เรานอนรักษาตัวแบบลุ้นวันต่อวัน ว่าผลเลือดจะลดลงอีกไหม ถ้าแนวโน้มยังลดลงอีก หมายความว่าเราอาจจะต้องย้ายไปรักษาตัวในห้องปลอดเชื้อ icu 
ปล.สุดท้ายนี้เราแค่อยากบอกว่า เหตุการณ์นี้ไม่มีใครผิด ทุกอย่างเกิดขึ้นจากความประมาททั้งเรา และเจ้าของ เป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิด และใจเราก็ยังคงแอบเชียร์ให้น้องได้กลับไปอยู่กับคนที่น้องรัก พร้อมกับสุขภาพที่ดีขึ้น 

      ล่าสุด มีรายงานจากโรงงพยาบาลเปาโลสะพานควายว่า ว่าอาการของน้องนักข่าวเริ่มแย่ลง โดยค่าเม็ดเลือดขาวเหลือแค่ 3,000 เซลล์ต่อมิลลิลิตร (ค่าปกติอยู่ที่ 4,500 – 10,000) ตอนนี้ไม่สามารถลุกได้ต้องนอนขับถ่ายบนเตียง แพทย์วินิจฉัยว่าที่ไม่พบเชื้อในกระแสเลือดเพราะเชื้อน่าจะวิ่งสู่กระดูก และกำลังจะเจาะไขสันหลังไปตรวจ

เรียบเรียงโดย : thaihitz.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก Pleng Nuthcha 


advertisement