advertisement

เผย 15 เสน่ห์เมืองไทย ควรถึงเวลาที่ต้องพัฒนาได้แล้ว


advertisement

            เป็นที่พูดถึงเป็นอย่างมากในสังคม สำหรับ สิ่งแวดล้อมรอบต้วบ้านเมืองของเรา มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ ฟุตบาท สะพานลอย การจราจร ร้านค้าบนทางเท้า หรือว่าสายไฟฟ้าบ้านเสาไฟที่รุงรัง โดยล่าสุด ทางด้านเพจ ขาเกือบพลิก ได้โพสต์ 15 เสน่ห์เมืองไทย ใครเห็นต้องร้อง เป็นเสน่ห์ที่ต้องพัฒนา เป็นยังไงบ้างนั้นตามไปดูกันเลยครับ 

       เริ่มเปิดเพจด้วยสิ่งที่พบเจอ พร้อมกับถามตัวเองว่าทำไมสิ่งแวดล้อมรอบตัวผ่านๆมา ไม่มีการพัฒนาใดๆ ตั้งแต่สมัยฟัง Ronan Keating จนอัดคลิปเมาคลีใน Tiktok รถไฟฟ้าสร้างไปไหนต่อไหน ปัจจัยพื้นฐานการดำรงชีวิตถึงต่ำเตี้ยเช่นนี้ ลองมาดูกันทีละข้อ.. #ขาเกือบพลิก

15 เสน่ห์เมืองไทย ใครเห็นต้องร้อง 


advertisement

นี่ฟุตบาทหรือค่ายลูกเสือสามัญ ฐานฝึกการทรงตัว ใครเป็นเอ็นข้อเท้าอักเสบขอร้องว่าให้เลี่ยง ไม่ว่าจะเป็นทางเดินที่แคบ หรือต่างระดับที่เอ็นพร้อมที่จะยืดออก ขาพลิกทีก็ร้องอีดอกกันไป

      นอกจากขาจะพลิกแล้ว ภัยพิบัติประชิดตัวอีกอย่างคือพวกหนูติดจั่นนี้ ไปขวางมันทีมีโอกาสโดนท้ายปัดใส่ ถุงน้ำแกงหกรดตัว แถมต้องเป็นฝ่ายกลัวมันแทน ตำรวจก็ดูจะทำท่าไปมองที่อื่น เผลอๆ โบกให้แม่งอีก


advertisement


advertisement

       ประเทศนี้ออกโปรพิเศษ ใครซื้อตึกแถว จะได้ที่วางของฟรีหน้าตึก? หรือใครที่จับจองฟุตบาทขายหมี่เกี๊ยวได้แล้ว ก็สามารถวางตู้แช่ไว้ได้เลย? จัดเป็นประเทศให้สวัสดิการคนจนดีสุดในโลก เวเนก็สู้ไม่ได้

       น้ำนี่เอาน้ำคลองข้างๆมาเปล่าก็ไม่รู้ หนูเหนอ วิ่งมาอาบน้ำที่ปล่อยอย่างชะอุ่ม ผัดกระเพราเสร็จก็กวาดทิ้งไว้ตรงนั้นแหละง่ายดี อีดอก.. ไม่ต้องลงทุนเปิดร้าน ทำครัวไรทั้งนั้น


advertisement

       เรื่องนี้ก็อย่างที่เห็น สภาพถนนที่ย่านเคลมว่าหรูหราเช่นเอกมัย หลังสวน สภาพอาจแย่กว่าสลัมฮ่องกง ไหนจะหม้อแปลงสะเก็ดระเบิด และเถาวัลย์โพคาฮอนทัส รู้ว่าไม่มีเงินลงดิน กะอีแค่จัดระเบียบสายอย่าเดินซ้ำ ก็บ่งบอกอนาคตประเทศได้อย่างดีเยี่ยม

       ตั้งแต่เด็กยันโต ไม่เคยเข้าใจว่าทำไมผู้โดยสารวินถึงอนุญาตให้ไม่ใส่หมวกได้ หรือจิงๆห้ามแต่ก็ไม่เคยจับ จะมาอ้างว่าหมวกเหม็นเลยไม่ใส่ จึงได้อภิสิทธิ์ไปหรอฟะ คนธรรมดาซ้อนกันยังมีโดนจับบ้าง (100 จับ 1) แต่สำหรับวินดูเหมือนจะมีพลังงานบ้างอย่างป้องกันไว้

       กี่ร้อยปีแล้วที่เราต้องทนทรมานกับน้ำคลองคุณภาพน้ำลายมังกรโคโมโด ขนาดพี่บิ๊กดีทูบีสังเวยไปแล้วก็ไม่มีแผนพัฒนาป้องกันชีวิต แถมยังเน่าลงทุกวันจากอีป้าผัดกระเพราริมคลองต่างๆ

        รถเมล์ที่ไม่เคยเปลี่ยนมาหลายสิบปี แนวสังกะสีโปะมั่วๆ ขับไปให้ถึงแบบทุลักทะเล ประตูเปิดอ้าซ่า อีป้าก้อบแก็บ การเก็บเสียงระดับแก้วหูสะเทือน ควันเขม่าคือเพื่อนกับปอด นับเป็นความล้มเหลวโดยแท้ทั้งๆที่ที่มีตังสร้างรถไฟฟ้าแสนล้าน กะอีแค่พัฒนาระบบรถเมล์ให้ดูดี กลับไม่เคยเหลียวแล [ads]

       เดินลงมาจาก BTS หรูหรา คอนทราสกว่าคือมาโหนต่อสองแถว ไม่น่าเชื่อว่าผ่านไปกี่ร้อยปี ประเทศนี้ยังคงอนุรักษ์รถชนิดนี้ไว้อย่างเหนียวแน่น เป็นกรรมมาจากคนวางผังเมือง นักเรียนกว่าจะโตมา นับว่าเหนื่อยชีวิตและหมดศรัทธากว่าจะเป็นผู้เป็นคน (ที่รอดตายหวุดหวิดวันต่อวัน) 

        ตั้งแต่เด็กก็สงสัยมาตลอดว่าทำไมไฟเปิดไม่ครบบนถนนทุกเส้น บางทีทางหลวงมืดเป็นแผงหลายโล เปิดไฟสูงในรถ ชีวิตแขวนเส้นด้ายกันไป นับว่าเป็นประเทศที่หลอดไฟเสมือนเสียตลอดเวลามากที่สุดแห่งนึง [ads]

       เป็นชุมชนที่นับว่า มีบาเรียกันพลังไซโคลนมาร้อยปี ที่ดินห่าเหวอะไรก็ได้มาฟรี แกงกะหรี่เหลือก็ทิ้งคลอง สภาพเหมือนคลองเวนิสโดนนิวเคลียร์ ไหนจะซ่องเก็บยา ทำตัวเป็นหลุมดำในเมือง ที่ไม่เคยมีใครมาจัดการ ลองดูประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลย์บ้างก็ดี จีนก็ดี ประเทศได้ดิบได้ดีเพราะความเด็ดขาด ไม่ใช่ประณีประนอม อ้อมล้อมคนจน

        ถนนไทยต้องคู่กับฝาท่อที่ไม่เรียบ นับเป็นสัญลักษณ์มานมนานไร้การพัฒนา ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำไมทำให้เรียบไม่ได้ ต้องมานั่งเบรก ไม่งั้นลาเต้อเมซอนในรถกระฉอกแน่ ตาห้ามมองไปข้างหน้า ว่ามีรถมั้ย เพราะถนนนี่เกิดความบรรลัยมากกว่า

       หนึ่งในสภาพการจราจรที่ WTF มากที่สุดคือการมีเลนเดียวแต่จอดติ๊กไฟส่งของ และพอไปด่า หาว่าไม่มีน้ำใจให้ สุดท้ายทุกคนก็ต้องเบี่ยงเลนให้กับปลิงตัวนี้ ไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องส่ง ไม่ต้องแวะ ถ้าไม่มีที่จอด จบนะ… ไปร้านอื่นที่ดีกว่านี้

       เข้าใจว่าด้วยผังเมืองเฟลๆ จำเป็นต้องใช้วินเลาะตามซอย แต่แต่ละ Station ดูกี่ครั้งก็น่าหนักใจ ไม่ว่าจะไปขึ้น หรือแค่เดินผ่านก็เสี่ยงโดนแซว จอดบนฟุตบาท บางแห่งอาจนั่งชันเข่าดูทีวี หนีบแตะ ริมฟุตบาทรอผู้โดยสาร เพลิงสภาพนี้ก็น่าหนักใจ เดินเผลอเหยียบตีนเข้าให้ บรรลัยแน่นอน

        คนสร้างสะพานลอยกับฟุตบาทมีข้อขัดแย้งเหมือนอิหร่านเลบานอนหรอคับถึงได้สิ้นคิดแบบนี้ คนตาบอดเดินมาที่หัวชนเพิ่มโรคอัลไซเมอร์แน่ กะอีแค่เว้นที่ไว้ให้เดินก็ไม่มี เรื่องเบสิคแบบนี้ยังไม่ได้ จะให้เอาอะไรใหญ่โตกว่านี้

      ถึงเวลาที่ต้องพัฒนาแล้ว ต้องพัฒนาอีกหลายจุดแล้ว อยากจะเห็รัฐบาลมาใส่ใจในเรื่องปัญหาแบบนี้จริงๆ จังๆ บ้านเมืองเราจะได้สวยงามน่าอยู่ 

เรียบเรียงโดย : thaihitz.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก  ขาเกือบพลิก 


advertisement