advertisement

ให้มันจบ ธ.ค.นี้ เร่งงานก่อสร้างมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช ไม่งั้นอธิบดีต้องจบ


advertisement

       โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา หรือทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข M6 เป็นหนึ่งโครงการสําคัญที่มีความจําเป็นเร่งด่วน ปัจจุบันกรมทางหลวงอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างงานโยธา เพื่อเร่งรัดการดำเนินงานก่อสร้างให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด โดยล่าสุด ทางด้านเพจ ข่าวนวัตกรรมขนส่ง เดลินิวส์  ได้โพสต์รายงานความคืบหน้าล่าสุด โดยระบุว่า… 

        นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง(ทล.) เร่งแก้ปัญหาโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กม.วงเงินลงทุน 8.4 หมื่นล้านบาทโดยให้เชิญอาจารย์ด้านวิศวกรรมจากมหาวิทยาลัยต่างๆที่มีชื่อเสียงของประเทศเข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการตรวจสอบการปรับรูปแบบงานก่อสร้างจำนวน17ตอนจากทั้งหมด40ตอน ว่าทำไมออกแบบไม่ครบถ้วนและไม่เรียบร้อย ต้องให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนธ.ค.นี้ 

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ


advertisement

        “ ทั้ง17 ตอนมีสาเหตุจากสภาพพื้นที่เปลี่ยนไป บางแปลงสำรวจผิด  หากรูปแบบใหม่ทำให้งานเพิ่มจากที่ออกแบบไม่ครบ เป็นการขยายงานจากที่ประมูลไป อาจจะต้องประกวดราคาใหม่ ซึ่งหากได้ข้อสรุปตอนไหนก่อนถ้าจำเป็นต้องใช้เงินเพิ่มก็ให้รีบจัดทำรายละเอียดเสนอขอใช้งบฯในกรอบวงเงินเดิมที่เหลืออยู่ประมาณ1หมื่นล้านบาท และนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาให้แล้วเสร็จและจบเรื่องทั้งหมดให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ เพราะหากไม่จบอธิบดีก็ต้องจบ” นายศักดิ์สยาม ย้ำ

        พร้อมกล่าวต่อว่า  ส่วนการดำเนินงาน และบำรุงรักษา (Operation and Maintenance : O&M) นั้น คาดว่าจะน่าจะลงนามในสัญญากับผู้ชนะการประกวดราคาในส่วนของมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี  96 กม.ได้ภายในสิ้นเดือนธ.ค.นี้ [ads]

        ด้านนายสราวุธ กล่าวว่า การลงนามในสัญญา O&M อยู่ระหว่างรออัยการสูงสุดส่งผลการตรวจสอบร่างแนบท้ายสัญญากลับมา ขณะเดียวกันได้หารือกับกลุ่มกิจการร่วมค้าบีจีเอสอาร์ เรื่องพื้นที่การส่งมอบว่าจะส่งมอบในส่วนไหนได้ก่อน ซึ่งในภาพรวมไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบตามระเบียบและข้อกฎหมายเพราะไม่ต้องการให้ลงนามในสัญญาไปแล้วยังไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ได้     


advertisement


advertisement

        นายสราวุธ  กล่าวด้วยว่า  ความคืบหน้างานก่อสร้างสายบางใหญ่-กาญจนบุรี ก้าวหน้ากว่า35% ไม่มีปัญหาเรื่องแบบ ประกอบกับได้ขอความร่วมมือผู้รับเหมาให้เร่งสปีดงานก่อสร้างแล้ว สำหรับงาน O&M น่าจะลงนามในสัญญาได้ในเดือนธ.ค.นี้ คาดว่าจะเปิดให้ทดลองวิ่งได้ในปลายปี 66

        ขณะที่สายบางปะอิน-โคราช งานก่อสร้างก้าวหน้ากว่า90%แล้ว แต่มีประเด็นต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการก่อสร้างด้านงานวิศวกรรมจำนวน17ตอน จากทั้งหมด40ตอน เนื่องจากรูปแบบการก่อสร้างในสัญญาที่ออกแบบไว้ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง เช่น เดิมแบบเป็นพื้นราบ แต่หน้างานจริงเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ต้องทำเป็นสะพานข้าม บางตอนต้องเพิ่มโครงสร้างพื้นให้แข็งแรงกว่าเดิม หรือบางตอนต้องเยียวยาชาวบ้าน ด้วยการก่อสร้างถนนคู่ขนานให้สัญจรได้ หรือบางพื้นที่ต้องผ่านเชิงเขา 

        อีกทั้งในบางตอนต้องปรับแบบให้ตรงตามข้อกำหนดของพื้นที่ราชการ เช่น พื้นที่ข้ามคลองชลประทาน ของกรมชลประทาน เป็นต้น โดยยืนยันว่าการปรับแบบไม่ได้มีปัญหาเรื่องบุกรุกทีป่าสงวนหรือเขตอุทยานแห่งชาติแต่อย่างใด  แต่เป็นการปรับแบบที่เกิดปัญหาในหน้างาน

        กำลังเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดรอบคอบว่าจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมหรือไม่ หากต้องเพิ่มก็จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) แต่ไม่เกินกรอบวงเงินที่เหลืออยู่ประมาณ1หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ยืนยันว่างานโยธาก่อสร้างสายบางปะอิน-โคราชจะแล้วเสร็จทั้งหมดพร้อมเปิดทดลองวิ่งช่วงปลายปี65แน่นอน


advertisement

        นายสราวุธ กล่าวด้วยว่า  นายศักดิ์สยาม มีความเป็นห่วงว่าการปรับแบบดังกล่าวอาจกระทบต่องาน0&m ได้หากมีการลงนามในสัญญาอาจทำให้ส่งมอบพื้นที่บางส่วนได้ช้า ซึ่งเรื่องนี้ ทล.และกลุ่มบีทีเอสอาร์ อยู่ระหว่างหารือร่วมกันเพื่อให้เกิดความรอบคอบและไม่มีปัญหาตามมา คาดว่าทุกเรื่องต้องจบภายในสิ้นเดือนธ.ค.นี้ตามที่ได้รับสั่งการมา

        ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกรมทางหลวงต้องถอดบทเรียนการเร่งก่อสร้างโครงการโดยไม่ตรวจสอบแบบการก่อสร้างอย่างละเอียดมากพอ  ระหว่างปัญหาในพื้นที่ก่อสร้างจริงกับแบบที่ออกไว้ในกระดาษ ไม่มีการทบทวนแบบก่อสร้างให้สอดคล้องเป็นปัจจุบัน  หรือเท่าทันสภาพเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป จนเกิดข้อผิดพลาดขึ้น

        สำหรับงานO&Mสายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) วงเงิน 3.3หมื่นล้านบาท และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) 2.7 หมื่นล้านบาท กิจการร่วมค้าบีจีเอสอาร์ ชนะประมูล นำโดยบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)  

เรียบเรียงโดย : thaihitz.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวนวัตกรรมขนส่ง เดลินิวส์


advertisement