advertisement

ไม่อายทำกิน กัปตันชีวิตพลิก สู่พนักงานส่งอาหารในยุควิกฤต


advertisement

       เชื่อว่าสถานการณ์ในตอนนี้ คงจะส่งผลต่อการเป็นอยู่ของประชาชนทั่วประเทศไม่น้อย เพราะนอกจากการใช้ชีวิตจะต้องป้องกันอย่างเต็มที่แล้ว อาชีพต่างๆยังคงต้องพักงาน หยุดงาน หรือบางรายตกงานกันไปเลย เพื่อปากท้องความอยู่รอด จึงต้องดิ้นรนกันไป

        เช่นเดียวกับคุณฐานันดร์ ขันธทัตบำรุง กัปตันที่เคยขับเครื่องบิน สู่วันที่ต้องจับแฮนด์รถจักรยานยนต์มาเป็นพนักงานรับส่งอาหาร โดยเฟซบุ๊ก Jirachai Umpaiwan ได้เล่าเรื่องราวของคุณฐานันดร์ ว่า…

       "(คนสู้ชีวิต) อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย …จากกัปตันสู่แกร็บฟู้ด

       "อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา" วลีนี้ยังคงใช้ได้กับทุกยุกสมัย เพราะกว่าจะบังคับเหล็กให้ลอยบนฟ้าได้ ต้องอดทนฝึกฝนหนักขนาดไหน กว่าจะผ่านมาได้ ฉันใดฉันนั้น จากฟ้าสู่ดิน คนต้องกินข้าวเหมือนกัน

       เมื่อกัปตันต้องพักมือจากการบังคับเครื่องบิน มาขี่บิ๊กไบค์รับส่งอาหาร ฝ่าวิกฤตภาวะโควิด-19 ในยามยากก็ดูจะไม่แย่จนเกินไป หากเรารู้จักเปลี่ยนวิกฤตสร้างโอกาสใหม่ให้ชีวิต

       หลังจากมีการประกาศ Lockdown ปิดการเดินทางทั้งต่างประเทศและภายในประเทศหลายจังหวัด ซึ่งเป็นผลกระทบจากภาวะวิกฤตไวรัสโควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก เป็นเหตุให้สายการบินต้องประกาศยุติการบินชั่วคราว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด


advertisement


advertisement

       ฐานันดร์ ขันธทัตบำรุง กัปตันสายการบินแห่งหนึ่ง จึงใช้เวลาช่วงพักการบินที่นับเป็นเวลานานกว่า 1 เดือน แล้วพักมือจากการบังคับเครื่องบินมาบิดบิ๊กไบค์คู่ใจอย่าง BMW R1200 GSA เปลี่ยนบทบาทจากการนำส่งผู้โดยสารมารับหน้าที่เป็นผู้นำส่งอาหารผ่านการรับออเดอร์จากแอปพลิเคชั่นโทรศัพท์มือถือ เพื่อหารายได้เสริม เนื่องจากรายได้ประจำหายไปกว่าครึ่ง ขณะที่ธุรกิจร้านอาหารของตัวเองที่เพิ่งเปิดกิจการได้ไม่นานต้องปล่อยให้พ่อครัวและพนักงานภายในร้านช่วยกันดูแลตัวเองโดยทำอาหารมาขายริมทางหน้าร้านเพื่อหารายได้เลี้ยงตัวเองไปพลาง [ads]

       นอกจากรับส่งอาหารผ่านบริการทางแอปพลิเคชั่นโทรศัพท์มือถือแล้ว ภายในสายการบินไม่ได้มีเพียงตนที่ต้องเปลี่ยนบทบาทครั้งใหญ่ โดยได้รวมกลุ่มกับเหล่าลูกเรือร่วมกันพลิกวิกฤตสร้างโอกาสเปิดเครือข่ายช่วยกันรับส่งอาหารตามออเดอร์ของแต่ละคน ซึ่งการขี่บิ๊กไบค์รับส่งอาหารที่ทำมากว่าหนึ่งเดือนนี้สร้างรายได้ให้เขาและกลุ่มลูกเรือคนละกว่า 1000 บาทต่อวัน เมื่อเทียบกับรายได้ที่เคยมีอาจไม่มากมาย แต่ยามนี้คงดีกว่าอยู่เฉยๆ ปล่อยให้เวลาผ่านเลยไปอย่างน่าเสียดาย

       ทั้งนี้หากจะมีการเปิดทำการบินในเร็ววันที่จะถึง ซึ่งกัปตันก็กล่าวว่า คงจะเปิดเส้นทางการบินกับเมืองหลักภายในประเทศก่อน เพราะหากวิกฤติยังไม่คลี่คลายทั่วโลก สายการบินและสายก็ยังคงไม่สามารถบินเข้าออกระหว่างประเทศได้อย่างปรกติ เท่ากับว่ารายได้ที่เคยได้รับก็ยังคงหายไปกว่าครึ่งอยู่ ซึ่งหากยังไม่มีไฟล์ทบินปรกติคงจะต้องขับรับส่งอาหารเพื่อเป็นอาชีพเสริมควบคู่กันไปอีกระยะนึง


advertisement
พนักงานส่งอาหารในยุควิกฤต

       ไม่ว่าสถานการณ์ใดจะเกิดขึ้น การปรับตัวเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะหากเราปรับตัวได้ทัน ก็สามารถเผชิญกับวิกฤตได้ แต่แน่นอนว่า ขึ้นอยู่กับต้นทุนของแต่ละท่านเช่นกัน เราจึงขอให้ทุกท่าน ผ่านพ้นทุกปัญหากันไปได้ด้วยดีค่ะ

เรียบเรียงโดย : thaihitz.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก Jirachai Umpaiwan , ภาพธัชดล ปัญญาพานิชกุล Tatchadon Panyaphanitkul #NationPhoto


advertisement