advertisement
วันนี้ (12 ม.ค.2567) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการลงนามเอ็มโอยู ระหว่างการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.กส.) เพื่อส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มสวนยางพาราและจัดทำ โฉนดต้นยาง ว่า
ภายใต้โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำลังเตรียมออก โฉนดต้นยางพารา เพื่อเกษตรกรชาวสวนยางพาราจะเข้าถึงแหล่งเงินทุน นอกเหนือจากมูลค่าที่ดินที่สามารถนำไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้
ทั้งนี้ กยท. กับ ธ.ก.ส. ร่วมมือกันครั้งนี้ เพื่อขับเคลื่อนภาคเกษตร ให้ชาวสวนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น และเพื่อเสริมสร้างมูลค่าสวนยาง และจะต่อยอดไปดำเนินโครงการ คาร์บอนด์เครดิต นำไปสู่การกินดียู่ดีของชาวสวนยาง
ซึ่งการมีโฉนดต้นยางพารา ถือเป็นการเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ของชาวสวนยาง ทำให้ชาวสวนมีสินทรัพย์เป็นที่ดิน ที่มีเอกสารสิทธิ์ สามารถนำไปค้ำประกันเงินกู้ได้ ยังเพิ่มโอกาสด้วยโฉนดต้นยางพารา หากต้องการกู้เพิ่ม สามารถนำโฉนดต้นไม้ที่ออกโดย กยท. ไปขอเงินกู้ได้อีก เพราะต่อไปต้นยางพารา ถือว่าเป็นพืชเศรษฐกิจเหมือนกับไม้มีค่าอื่น ที่คณะรัฐมนตรีประกาศไว้
advertisement
“โฉนดต้นยางพารา มูลค่าจะขึ้นอยู่กับพื้นที่และอายุยางพาราที่ปลูก ดังนั้น กยท.จะเป็นนายทะเบียน ผู้ออกโฉนดให้กับชาวสวนยาง สมมติ นาย ก. มีสวนยางพารา และนำที่ดินสวนยางไปจำนองกับ ธ.ก.ส.แล้ว แต่เกิดความต้องการเงิน เพื่อเป็นสภาพคล่อง หรือลงทุน
สามารถมาขอโฉนดต้นยางพารา จาก กยท.ได้ และสามารถนำโฉนดฯนี้ไปขอกู้เงินกับ ธกส.ได้เลย โดยสมมติอีกครั้งว่า สวนยาง นาย ก. มีจำนวน 10 ไร่ ในแต่ละไร่ มีต้นยางพาราอยู่ประมาณ 70 ต้น มูลค่าที่เกิดตามโฉนดประมาณ ต้นละ 500 บาท นาย ก. เอาโฉนดต้นยางพาราไปจำนอง จะได้เงินประมาณ 3.5 หมื่นบาท หรือ 10 ไร่จะได้เงินมาประมาณ 3.5 แสนบาท”
advertisement
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ขณะนี้เกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนกับ กยท.ทั้งหมดมีจำนวน 1.47 ล้านคน ไม่รวมคนกรีดยาง แยกเป็นชาวสวนยางที่ทำสวนบนที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ จำนวน 1.12 ล้านราย จำนวน 14.77 ล้านไร่ ไม่มีเอกสารสิทธิ์จำนวน 3.55 แสนราย จำนวน 5 ล้านไร่ รวมพื้นที่ปลูกยางทั้งสิ้น 19.85 ล้านไร่ ดังนั้นชาวสวนยางพาราที่มีเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน สามารถไปขึ้นทะเบียนที่กยท. เพื่อขอออกโฉนดต้นยางพาราได้เลย
เรียบเรียงโดย : thaihitz.com
advertisement