ส่องประวัติ จอนนี่ มือปราบ อดีตอินฟลูฯตำรวจคนดัง สู่วันนี้โดนคดีรีสอร์ทรุกที่ดินป่าไม้

     เรียกได้ว่าเป็นข่าวใหญ่อีกหนึ่งข่าวที่สังคมให้การติดตาม กรณีเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหา 5 คนตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 3 ประกอบด้วยนายทุน 2 ราย คือ ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ หรือจอนนี่มือปราบ และ น.ส.จิราพร ภรรยาของจอนนี่มือปราบ ข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 

ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ หรือจอนนี่มือปราบ 

     วันนี้เราจะพาไปเปิดประวัติ ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “จอนนี่มือปราบ” คืออดีตสายสืบมากฝีมือแห่งจังหวัดอุบลราชธานี เส้นทางชีวิตในวงการสีกากีเริ่มต้นเมื่อเขาสอบผ่านและได้เป็นนักเรียนพลตำรวจ ก่อนเข้ารับราชการครั้งแรกที่ สน.คันนายาว ในปี 2543 ทำงานในสายสืบสวนอย่างเต็มตัว

     ความสามารถและผลงานโดดเด่นทำให้ในปี 2556 เขาถูกย้ายเข้ากองบังคับการปราบปราม แผนกคดีอุกฉกรรจ์และอาชญากรรม รับผิดชอบคดีใหญ่ต่อเนื่อง เช่น คดีปล้นฆ่าในซอยสุขุมวิท 49 (พ.ศ. 2553) และคดีฆ่าข่มขืนหญิงสาวในซอยพหลโยธิน (พ.ศ. 2550) แต่คดีที่ทำให้ “จอนนี่มือปราบ” กลายเป็นชื่อที่คนทั่วไปจดจำ คือการจับกุมผู้แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ลิขสิทธิ์เพื่อรีดไถพ่อค้าแม่ค้า ซึ่งเป็นคดีที่ซับซ้อนและท้าทายจนได้รับคำชื่นชมจากสังคม

     อย่างไรก็ตาม ในปี 2562 เขาเคยโพสต์ตัดพ้อว่าจะลาออกจากวงการตำรวจ เนื่องจากความรู้สึกไม่พอใจในระบบ แม้สุดท้ายโพสต์นั้นจะถูกลบ แต่ความคิดเรื่องการวางมือก็ยังคงอยู่ กระทั่งเขาตัดสินใจลาออกก่อนครบอายุราชการ 1 ปี โดยให้เหตุผลว่าอุดมการณ์ของตนขัดแย้งกับระบบ แม้จะเสียดายความรู้และประสบการณ์ด้านสืบสวน แต่ก็เลือกหันไปทำธุรกิจในบ้านเกิด ทั้งค่ายดนตรี ฟาร์มไก่ คาเฟ่ ร้านอาหาร และรีสอร์ท

     ต่อมา เกิดประเด็นเมื่อกรมพัฒนาสังคมฯ แจ้งความว่าที่ดินรีสอร์ทของเขารุกล้ำพื้นที่ป่าอนุรักษ์ราว 1 ไร่ และได้มีหนังสือสั่งระงับตั้งแต่ปี 2565 แต่ไม่มีการยุติการดำเนินกิจการ จอนนี่ออกมาชี้แจงว่าที่ดินดังกล่าวเป็นมรดกตกทอด มีบ้าน วัด และชุมชนอยู่มาก่อน ยืนยันไม่เคยบุกรุก พร้อมประกาศว่าหากตรวจสอบแล้วพบว่าผิดจริง ก็พร้อมรื้อถอน

– 

     ล่าสุด พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี จับกุม ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ และภรรยา ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตภาค 3 ในข้อหาตามมาตรา 157 ว่าด้วยการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต 

เรียบเรียงโดย : thaihitz.com