advertisement

นายกฯ สั่งจ่ายด่วน 6 พันล้าน เยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมเกิน 7 วัน รับ 9,000 บาท


advertisement

      เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (คอภ.) ครั้งที่ 1/2568 โดยมีนายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

      นายอนุทินกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยในขณะนี้ ซึ่งตนได้ลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาด้วยตนเอง และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจข้อมูลเพื่อดำเนินการเยียวยาอย่างรวดเร็ว พร้อมให้ทุกจังหวัดรายงานสถานการณ์น้ำแบบวันต่อวัน

      “รัฐบาลจะเร่งรัดการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยทุกกลุ่ม ทั้งครัวเรือนที่เสียหาย เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่ชำรุด โดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกับปีที่ผ่านมา ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเกิน 7 วัน จะได้รับเงินเยียวยาครัวเรือนละ 9,000 บาททันที โดยมอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เร่งขึ้นทะเบียนประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยด่วน” นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำ

      ด้านนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) รายงานว่า จากการประชุมร่วมกับกรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พบว่ามีฝนตกมากกว่าค่าเฉลี่ยในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเหนือ ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนสิริกิติ์เพิ่มสูงขึ้น


advertisement

      ที่ประชุมจึงเห็นควรให้ ปรับเพิ่มการระบายน้ำของ 2 เขื่อนหลัก ได้แก่ เขื่อนสิริกิติ์และเขื่อนภูมิพล จากเดิมที่ปล่อยรวมกันไม่เกินวันละ 30 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 40–50 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เพื่อบริหารจัดการน้ำไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อน โดยจะควบคุมการไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ที่ระดับไม่เกิน 17 เมตร หรือไม่เกิน 2,500–2,700 ล้านลูกบาศก์เมตร

      นายดนุชาย้ำว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำในปี 2568 ยังต่ำกว่าปี 2554 และเขื่อนยังมีความจุรองรับน้ำได้มากกว่าเดิม จึงไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดน้ำท่วมใหญ่ซ้ำรอย ทั้งนี้ กรมชลประทานจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และอาจมีการปรับแผนระบายน้ำอีกครั้งภายใน 2–3 วันข้างหน้า


advertisement

      ขณะเดียวกัน นางสาวสุกันยานี ยะวิญชาญ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยในประกาศฉบับที่ 12 (288/2568) ว่า พายุโซนร้อนกำลังแรง “แมตโม” ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน โดยมีศูนย์กลางอยู่บริเวณมณฑลกว่างซี ประเทศจีน ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 85 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าจะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว โดย พายุลูกนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย


advertisement

      อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของพายุแมตโมจะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้นในช่วงวันที่ 7 ตุลาคมนี้ ส่งผลให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และด้านรับมรสุมของภาคตะวันออก

      กรมอุตุนิยมวิทยาจึงเตือนประชาชนใน 35 จังหวัดทั่วประเทศ ให้เฝ้าระวังภัยจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิด น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขา ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มต่ำ รวมถึงให้ชาวเรือระมัดระวังการเดินเรือในช่วงที่มีฝนฟ้าคะนอง เนื่องจากคลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนอาจสูงกว่า 2 เมตร 

เรียบเรียงโดย : thaihitz.com


advertisement