advertisement

รับมือรถน้ำท่วม แบบเข้าใจง่าย ทำอะไรได้–ทำอะไรไม่ได้ และควรซ่อมหรือไม่คุ้มซ่อม?


advertisement

      หลังจากเผชิญฝนตกต่อเนื่องและมวลน้ำจำนวนมากไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ตัวเมืองหาดใหญ่ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ขณะนี้ระดับน้ำในหลายเขตเริ่มลดลงแล้ว ทำให้ประชาชนสามารถกลับเข้ามาตรวจสอบบ้านเรือนและทรัพย์สินของตนได้อีกครั้ง ทว่าภาพที่เห็นกลับสร้างความสะเทือนใจอย่างยิ่ง เพราะความเสียหายในครั้งนี้นับว่าหนักหนาสาหัสที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายปี บ้านเรือนจมเสียหาย เฟอร์นิเจอร์พังทั้งหลัง เศษซากข้าวของที่ถูกน้ำพัดพา และบ้านเรือนที่เสียหายจนแทบไม่เหลือสภาพเดิม หลายครอบครัวต้องเริ่มต้นเก็บกวาดใหม่ทั้งหมด บางบ้านเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และโครงสร้างบางส่วนถูกน้ำทำลายจนต้องซ่อมแซมหรือสร้างใหม่แทบทั้งหมด 

      อีกหนึ่งความเสียหายที่พบเป็นจำนวนมากคือ รถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นรถจอดตามบ้านหรือย่านชุมชน ต่างได้รับผลกระทบอย่างหนัก บางคันน้ำท่วมถึงหลังคา เครื่องยนต์ แผงวงจร และระบบไฟฟ้าได้รับความเสียหาย  

        คู่มือรับมือรถน้ำท่วม แบบเข้าใจง่าย: ทำอะไรได้–ทำอะไรไม่ได้ และควรซ่อมหรือไม่คุ้มซ่อม?

        เมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมกะทันหัน สิ่งที่เจ้าของรถทุกคนต้องรู้คือขั้นตอนการปฏิบัติที่ถูกต้อง เพราะการตัดสินใจเพียงไม่กี่นาทีสามารถช่วยลดความเสียหายได้มาก และยังส่งผลต่อการเคลมประกันด้วย


advertisement

        สิ่งที่ควรทำเมื่อน้ำท่วมรถ

        1. ประเมินสถานการณ์ทันที หากยังปลอดภัยและยังพอสามารถเคลื่อนย้ายได้ ควรรีบนำรถออกจากพื้นที่น้ำท่วมโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันความเสียหายลุกลาม


advertisement

        2. ถ่ายรูปเก็บหลักฐานก่อนทำอะไร ถ่ายภาพและวิดีโอสภาพรถจากทุกมุม ทั้งภายนอกและภายใน เพื่อใช้ประกอบการแจ้งเคลม

        3. แจ้งประกันภัยทันที ไม่ต้องรอให้น้ำลด ปัจจุบันหลายบริษัทประกันชั้น 1, 2 และ 3 มีความคุ้มครองภัยธรรมชาติรวมถึง “น้ำท่วม” สามารถแจ้งเคลมได้ทันทีที่เกิดเหตุ

        สิ่งที่ “ไม่ควรทำเด็ดขาด” เมื่อน้ำท่วมรถ

        1. ห้ามสตาร์ตรถโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นรถน้ำมันหรือรถไฟฟ้า หากมีน้ำเข้าเครื่องหรือระบบไฟ การสตาร์ตจะยิ่งทำให้ความเสียหายหนักขึ้นหลายเท่า

        2. อย่าปล่อยให้รถจมน้ำนานเกินจำเป็น เพราะจะทำให้สนิมขึ้น กลิ่นอับ เชื้อรา และระบบไฟฟ้าเสียหายหนักขึ้น ยกเว้นกรณีจำเป็นจริง ๆ เช่น น้ำยังสูง เคลื่อนรถไม่ได้


advertisement

        กรณีแบบไหน “ประกันไม่จ่าย”?

        แม้ประกันจะครอบคลุมน้ำท่วม แต่ก็มีบางกรณีที่อาจถูก “ปฏิเสธเคลม” เช่น

        – ขับรถเข้าไปในพื้นที่ที่มีการประกาศเตือนแล้วว่าท่วม

        – ฝืนลุยน้ำที่ลึกเกินไปทั้งที่รู้ความเสี่ยง

        – หากพิสูจน์ได้ว่าเกิดจากความประมาทชัดเจน ประกันอาจไม่รับผิดชอบ

        ดังนั้น หากรู้ว่าพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม ควรหลีกเลี่ยงทันทีเพื่อป้องกันปัญหา รถน้ำท่วมแล้วควรซ่อมต่อ หรือปล่อยคืนทุน?

        ขึ้นอยู่กับ “ระดับความเสียหาย” ดังนี้

        ซ่อมต่อได้

        – น้ำเข้าระดับพื้นรถหรือท่วมต่ำ

        – แช่น้ำไม่นาน

        – ความเสียหายยังไม่ถึงระบบเครื่องยนต์และระบบไฟหลัก


advertisement

        กรณีนี้ส่วนใหญ่ซ่อมได้และใช้งานต่อได้ใกล้เคียงเดิม

        ไม่คุ้มซ่อม / เสียหายหนัก

        – น้ำท่วมระดับสูงถึงเบาะหรือถึงหลังคา

        – จมน้ำเป็นเวลานาน

        – ระบบไฟฟ้า กล่อง ECU เครื่องยนต์โดนน้ำเต็ม ๆ

        หากมีประกันภัยคุ้มครอง บริษัทส่วนใหญ่จะจ่ายคืนประมาณ 70–80% ของทุนประกัน ซึ่งมักคุ้มค่ากว่าการลงทุนซ่อมใหญ่ที่เสี่ยงมีปัญหาตามมาในอนาคต

        หากไม่มีประกัน ควรนำไปให้อู่ที่เชื่อถือได้ประเมินความคุ้มค่าของการซ่อม แต่ต้องยอมรับว่า ไม่มีใครการันตีได้ 100% ว่าหลังซ่อมจะกลับมาเหมือนเดิม โดยเฉพาะระบบไฟฟ้าและกลิ่นอับภายในรถที่อาจแก้ยากและมีโอกาสกลับมาอีก

– 

        น้ำท่วมรถเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่การรู้วิธีปฏิบัติที่ถูกต้องตั้งแต่แรกจะช่วยลดความเสียหายได้มากที่สุด ห้ามสตาร์ต รีบแจ้งประกัน บันทึกหลักฐาน ประเมินความคุ้มค่าการซ่อมอย่างรอบคอบ เพื่อให้รถและเจ้าของปลอดภัย และผ่านเหตุการณ์นี้ไปด้วยความเสียหายน้อยที่สุด  

เรียบเรียงโดย : thaihitz.com 


advertisement