advertisement

ตึกแถวหลังคอนโดฯแอชตัน อโศก ยืนกรานไม่ขาย เผยรวยอยู่แล้ว


advertisement

       จากกรณี ศาลปกครองสูงสุดแผนกคดีสิ่งแวดล้อมอ่านคำพิพากษามีคำพิพากษา เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างคอนโดมิเนียม โครงการแอชตัน อโศก โดยมีประเด็นสำคัญที่ศาลวินิจฉัย คือ ที่ดินทางเข้า-ออกอาคารแอชตัน อโศก ซึ่งเป็นที่ดินของ รฟม. มาจากการเวนคืน จึงไม่อาจนำมาให้เอกชนใช้ในการประกอบการได้ ใบอนุญาตจาก กทม. จึงขัดกับ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 กำหนดว่า อาคารสูงต้องมีทางออกด้านใดด้านหนึ่งของที่ดินยาวไม่น้อยกว่า 12 เมตร ติดถนนสาธารณะที่มีทางกว้างไม่น้อยกว่า 18 เมตร นั้น 

       อีกหนึ่งทางออกที่กทม. เปิดช่องให้แก้ไขปัญหานี้ คือบริษัทต้องหาทางทางเข้า-ออกโครงการเพิ่ม ให้มีความกว้างของถนน 12 เมตร และอยู่ติดกับถนนสาธารณะที่มีความกว้าง 18 เมตร ตามที่กฎหมายควบคุมอาคารและกฎหมายผังเมืองกำหนด หากบริษัทเจ้าของโครงการสามารถปรับปรุงแก้ไขเปลี่ยนแปลงทางเข้า-ออกแล้วเสร็จ ก็สามารถยื่นขอใบแจ้งก่อสร้างใหม่ได้ แลกกับการไม่ต้องรื้อถอนคอนโดฯ 6,400 ล้านบาท

        โดยบริเวณซอยสุขุมวิท 19 แยก 2 มีทางที่ติดกับประตูเข้า-ออกขนาดเล็กของคอนโดฯ แอชตัน อโศก ลูกบ้านหรือพนักงานคอนโดฯ สามารถเดินเท้าเข้า-ออกผ่านซอยนี้ได้ ตลอดเส้นทางมีตึกแถวตั้งอยู่ทั้งซ้าย-ขวา โดยฝั่งขวา มีอาคารประมาณ 4 หลัง แบ่งเป็น บ้านพัก 2 หลัง ติดป้ายประกาศขาย 1 หลัง ส่วนอีกหลังอยู่ระหว่างการปรับปรุง มีศูนย์เด็กเล็ก และร้านนวดแผนไทย ส่วนฝั่งซ้าย มีตึกแถวประมาณ 7-8 อาคารส่วนใหญ่เป็นที่พักอาศัย และมีร้านขายชุดสูท ร้านนวด และโรงแรม ใกล้กันยังมีซอยเล็กอีก 1 ซอย ซ้ายและขวามีคูหารวม 16 ล็อค ส่วนใหญ่เป็นบ้านพัก โฮสเทล ร้านขายวัสดุก่อสร้าง และด้านหน้ามีตึกแถวเปิดเป็นร้านนวดสปาเพื่อสุขภาพ 


advertisement

       ชาวบ้านในละแวกดังกล่าว เผยว่า ความเป็นไปได้ในการกว้านซื้อตึกแถวทำเป็นทางเข้าออกให้คอนโดฯ แอชตัน อโศก เป็นไปได้ยาก เพราะทุกคนล้วนมีฐานะดีอยู่แล้ว และตั้งแต่ที่มีการก่อสร้างคอนโดฯ ก็สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านอย่างมาก มีทั้งเศษปูนและชิ้นส่วนก่อสร้างตกลงมาใส่บ้านเรือนชาวบ้าน ทำให้ทุกคืนต้องนอนหวาดผวา ร้องเรียนไปทางสำนักงานเขตวัฒนาก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ อีกทั้งชาวบ้านส่วนใหญ่ อยู่อาศัยและทำธุรกิจมานาน 20-30 ปี คงไม่ย้ายออกไปง่าย ๆ 

       ส่วนราคาประเมินตึกแถวในย่านนี้ เบื้องต้นอยู่ที่ราว 250 ล้านบาท ซึ่งมีตึกแถวที่บริษัทจะต้องกว้านซื้อไม่ต่ำกว่า 16 คูหา รวมมูบค่าไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาทแน่นอน ซึ่งใกล้เคียงกับมูลค่าโครงการฯที่ 6,400 ล้านบาทมาก จึงแนะนำให้หาทางออกอื่นจะดีกว่า โดยอาจไปคุยกับ รฟม. หรือติดต่อขอซื้อที่ดินบางส่วนจากศูนย์การค้า เทอมินัล 21 ซึ่งมีที่ดินบางส่วนที่อาจใช้เป็นทางออกให้ลูกบ้านคอนโดฯ ได้ 


advertisement

       เรียกได้ว่าเป็นคำตอบที่ดับฝันในการแก้ปัญหาพอสมควรเลยทีเดียวค่ะ และต้องรอดูกันต่อไปว่า คอนโดฯ หกพันกว่าล้าน จะมีทางออกกับเรื่องนี้ได้หรือไม่

เรียบเรียงโดย : thaihitz.com  


advertisement