advertisement
เป็นเหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งประวัติศาสตร์ในรอบ 100 ปีเลยก็ว่าได้ สำหรับ เหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงเกิดในพม่าและไทย แผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.7 แมกนิจูด เกิดขึ้นทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองสะกายในภาคกลางของพม่าในช่วงบ่าย และตามมาด้วยอาฟเตอร์ช็อกขนาด 6.4 แมกนิจูดในอีกไม่กี่นาทีต่อมา แผ่นดินไหวครั้งนี้ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังราบ สะพานพังถล่ม และถนนแตกร้าวในพื้นที่ต่างๆ ของพม่า และยังทำให้ตึกสูง 30 ชั้นที่กำลังก่อสร้างในกรุงเทพฯ พังถล่มด้วย
อาคารที่ถล่มคือโครงการก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) 30 ชั้น
วันนี้จะพาไปดูระบบป้องกันแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นในปัจจุบันเป็นการเสริมโครงสร้างตึก ประเทศญี่ปุ่นนั้นต้องพบเจอเหตุการณ์แผ่นดินไหวอยู่เป็นประจำ บ้าน และอาคาร ต่างๆ จึงจำเป็นต้องมีโครงสร้างที่ต้องสามารถป้องกันแผ่นดินไหว ชินวะ กรุ๊ป ผู้ที่มีเทคโนโลยีแผ่นดินไหว จึงได้พาคณะสื่อมวลชนจากประเทศไทย เข้าชมระบบป้องกันแผ่นดินไหว ณ เมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น
advertisement

Base Isolated Building
การป้องกันแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นในปัจจุบันเป็นการเสริมโครงสร้าง เช่น เสา คาน และรากฐานให้หนามากกว่าโครงสร้างปกติเพื่อป้องกันแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว ยิ่งตึกหรืออาคารสูงๆ จึงจำเป็นที่ต้องสร้างเสาและคานให้หนาขึ้นเพื่อรองรับแรงกระแทกอีกด้วย
แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาอย่างมาก การก่อคานและเสาให้หนาจึงเป็นการป้องกันแบบปกติไปตั้งแต่ Base Isolated Building เข้ามา
advertisement
Base Isolated Building เป็นระบบป้องกันแผ่นดินไหวรูปแบบของเสาเข็มที่ไม่เชื่อมติดกัน โดยติดตั้งอุปกรณ์ตรงกลางระหว่างเสาเข็มล่างกับเสาเข็มบน ทำให้สามารถรองรับแรงกระแทกและการเคลื่อนจากแรงแผ่นดินไหวได้ดีกว่าเดิม
advertisement

–
ระบบเสาเข็มแบบเดิม เวลาเกิดแผ่นดินไหวจะเคลื่อนที่ทั้งตึก แต่ในระบบ Base Isolated Building จะมั่นคงกว่าไม่เอนซ้ายขวา ตามแรงของแผ่นดินไหว ทำให้ตึกกลับไปที่เดิมไม่เอียงหรือเอนออก ซึ่งสามารถป้องกันได้สูงสุดถึง 9 ริกเตอร์ (มากกว่า 9 ริกเตอร์ยังไม่เคยทดสอบเนื่องจากยังไม่เคยเจอมากกว่า 9 ริกเตอร์)
advertisement

–
–
สำหรับต้นทุนของระบบ Base Isolated Building จะแพงกว่าระบบปกติ 5-10% เนื่องจากไม่จำเป็นต้องสร้างเสาเข็มให้หนาอีกแล้ว เลยสามารถหักลบต้นทุนของระบบกับโครงสร้างได้
เรียบเรียงโดย : thaihitz.com
advertisement