advertisement

เกษตรกรภูเรือ โอดแก้วมังกร ราคาตกต่ำกิโลละ 2-3 บาท แย่สุดต่ำในรอบ 10 ปี


advertisement

      ปีนี้ 2568 เป็นปีที่ ราคาผลไม้ไทยตกต่ำอย่างรุนแรงในรอบหลายปี โดยเฉพาะทุเรียน มังคุด มะม่วง ลำไย และอีกหลายชนิดที่ได้รับผลกระทบหนัก จากผลผลิตล้นตลาด–คุณภาพไม่ถึงเกณฑ์ การแข่งขันจากต่างประเทศ ระบบตลาดและกระจายผลผลิตที่อ่อนแอ 

      ล่าสุด (13 ส.ค. 68) นายสมศักดิ์ ทองวัตร เกษตรกรผลไม้แก้วมังกร อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย เปิดเผยว่า ช่วงนี้ราคาผลไม้แก้วมังกร ซึ่งผลไม้ขึ้นขื่อของอำเภอภูเรือ จังหวัดเลย ราคาตกต่ำมาก ขายหน้าสวนได้ไม่ถึงกิโลกรัมละ 3 บาท หากราคาตกต่ำเท่านี้ เชื่อไม่มีเกษตรกรรายใดเก็บขาย เพราะขาดทุนตั้งแต่ยังไม่เก็บผลแก้วมังกรขาย แต่จำใจต้องขายในราคาไม่ดี มีเวลาไม่ถึง 1 อาทิตย์ ผลผลิตจะเสียหาย

ราคาตกต่ำกิโลละ 2-3 บาท แย่สุดต่ำในรอบ 10 ปี 

      ตอนนี้สถาการณ์ราคาแก้วมังกรแย่มาก ขายได้ยังไม่พอค่าปุ๋ย วันนี้แก้วมังกรราคาเหลือ 2 ถึง 3 บาท ต่อกิโล และถ้ายังไม่มีพ่อค้า เข้ามารับซื้อในพื้นที่ ผลไม้ก็จะเน่าเสียหาย ตอนนี้ก็พยายามปรับเรื่องของการขายไป เน้นขายออนไลน์


advertisement

      สวนผมเอง ปลูก แก้วมังกร ปลอดสารเคมี ซึ่งขายราคาได้เท่ากับ แก้วมังกร ที่ไม่ปลอดสารเคมี ช่วงนี้เกษตรกรเหนื่อยมาก ราคาขายจะพอจ่ายค่าปุ๋ยหรือเปล่ายังไม่รู้ เราจึงขาย ส่งให้ พ่อค้า มารับที่อำเภอภูเรือ ราคา 2-4 บาท ต่อกิโลฯ วอนรัฐบาลช่วยเหลือด่วน


advertisement

      หากรับออเดอร์ ขายผ่านออนไลน์ ได้ราคา 30-35 บาทต่อกิโลกรัม แต่ต้องเป็นลูกที่สวย คัดอย่างดี ปลอดสารเคมี โชคดีเรามีลูกค้าประจํา ส่วนลูกค้าจร ตอนนี้เริ่มมีเยอะขึ้น แต่ไม่มาก เท่ากับ ผลผลิตช่วงออกเยอะมาก ไม่สามารถระบายได้ทัน ตอนนี้เกษตรกรต้องปลอยทิ้ง และนำไปทำปุ๋ยหมักแทน


advertisement

มารับที่อำเภอภูเรือ ราคา 2-4 บาท ต่อกิโลฯ   

      ข้อดีของแก้วมังกร จะออกเป็นงวดๆ รุ่นๆ ซึ่งหากหมดรุ่นนี้ไปแล้ว ต้องรอรุ่นต่อไป แต่ต้องลุ้น ไม่รู้ว่า ราคาตกต่ำแบบนี้อีกหรือไม่ รออีก 3-4 เดือนข้างหน้า แต่เท่าที่ทราบ เกษตกร บางพื้นที่ มีการไถแก้วมังกรทิ้งแล้ว หลายร้อนไร่ เพื่อกลับมาปลูกยางพารา เพราะ 2 ปี ที่ผ่าน รับสภาพราคาที่ไม่ดีขึ้น และราคาก็ไม่แน่นอน


advertisement

      อีกทั้งปัจจุบัน อำเภอภูเรือ 1,310 ครัวเรือน มีพื้นที่ปลูก แก้วมังกร กว่า 7,500 ไร่ ได้ผลผลิตต่อปี 33,750 ตันต่อปี เพื่อให้เกษตรกรไม่ต้องเจ็บหนัก ประเทศจำเป็นต้องดำเนินมาตรการช่วยเหลือทั้งระยะสั้น พยุงราคา และระยะยาวพัฒนาคุณภาพ เปิดตลาดใหม่ เพิ่มกำลังแข่งขันแบบบูรณาการ   

เรียบเรียงโดย : thaihitz.com 


advertisement