advertisement
เมื่อพูดถึงน้ำมันเครื่อง หลายคนอาจมองว่าแค่ของเหลวที่ต้องเปลี่ยนตามระยะ แต่ในความจริงแล้ว น้ำมันเครื่องคือหัวใจสำคัญที่ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ยืดอายุการใช้งาน และป้องกันการสึกหรอในทุกจังหวะของการขับเคลื่อน น้ำมันเครื่องในปัจจุบันไม่ได้มีแค่ชนิดเดียวเหมือนในอดีต แต่มีหลายสูตร ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับลักษณะการใช้งานและประเภทของเครื่องยนต์ต่าง ๆ นอกจากชนิดของน้ำมันแล้ว ยังมีค่าความหนืด (Viscosity) ที่ระบุบนขวด เช่น 0W-20, 5W-30, 10W-40 ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่แค่รหัส แต่บอกถึงความหนืดของน้ำมันในสภาพอากาศต่าง ๆ ตัวเลขยิ่งต่ำ หมายถึงน้ำมันไหลได้ดีในอุณหภูมิต่ำ เหมาะกับการสตาร์ทรถตอนเช้า ส่วนเลขหลังจะบอกถึงความหนืดเมื่อเครื่องร้อน
ล่าสุด ทางด้านผู้ใช้เฟสบุ๊ก ทินภัทร เเพงพงษ์ ได้โพสต์วิดีโอคลิปทีมช่างในอู่ อธิบายเกี่ยวกับค่าความหนืดของน้ำมันเครื่อง 0W-40, 5W-30, 5W-40, 10W-40 , 20W-50 แบบเข้าใจได้ง่ายมากๆ ว่าใช้สูตรไหนแล้วเครื่องยนต์ทำงานเป็นยังไง
ค่าความหนืดของน้ำมันเครื่อง 0W-40, 5W-30, 5W-40, 10W-40 , 20W-50
ความหมายของตัวเลข “W”
ตัว W มาจากคำว่า Winter (ฤดูหนาว)
เลขด้านหน้า W = ความหนืดของน้ำมันเมื่ออุณหภูมิต่ำ (ตอนเครื่องยังเย็น)
เลขด้านหลัง W = ความหนืดของน้ำมันเมื่ออุณหภูมิสูง (ตอนเครื่องร้อน)
advertisement
พูดง่าย ๆ คือ
เลขยิ่งน้อย น้ำมันยิ่งเหลวตอนเครื่องเย็น → สตาร์ทง่ายในตอนเช้า
เลขยิ่งมาก น้ำมันยิ่งหนืดตอนเครื่องร้อน → ปกป้องได้ดีตอนใช้งานหนัก
advertisement
0W-40 → บางเบาตอนเช้า หนืดดีตอนร้อน เหมาะกับรถยุโรป รถเทอร์โบ หรือสายซิ่ง
5W-30 → เน้นประหยัดน้ำมัน เครื่องเบา เหมาะกับรถญี่ปุ่นทั่วไป เช่น Toyota, Honda
5W-40 → สมดุลทั้งลื่นและหนืด ขับในเมืองหรือทางไกลก็เอาอยู่
10W-40 → หนืดขึ้นนิด เหมาะกับรถที่ใช้งานมานาน หรือระยะทางเยอะ
20W-50 → หนืดมาก เหมาะกับรถเก่าหรือเครื่องเริ่มหลวม รถกระบะใช้งานหนัก
คน 0W-40 ลุกนั่งอย่างรวดเร็ว
advertisement
ตัวเลขอื่นๆ ก็จะลุกนั่งช้าลงตามค่าความหนืด
–
advertisement
เปลี่ยนน้ำมันเครื่องให้ถูกสูตร = เครื่องทำงานลื่น เสียงเบา ประหยัดน้ำมัน เลือกผิด = เครื่องหนืด สตาร์ทยาก หรือกินน้ำมันเครื่องโดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้น…ก่อนเปลี่ยนน้ำมันเครื่องครั้งหน้า ลองหยิบขวดขึ้นมาดูตัวเลขเล็ก ๆ ตรงนั้นให้ดี บางทีมันอาจช่วยให้รถคุณขับลื่นขึ้น เครื่องเบา เสียงเงียบ ทั้งที่ใช้น้ำมันเท่าเดิม
เรียบเรียงโดย : thaihitz.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก ทินภัทร เเพงพงษ์
advertisement
