advertisement
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 เวลา 19.05 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดงาน มหกรรมไหลเรือไฟโลก จังหวัดนครพนม ประจำปี 2568 พร้อมกล่าวอธิษฐาน “ขอความขมขื่น” ให้คนไทยปล่อยสิ่งร้าย ไหลไปกับแม่น้ำโขง และให้ความสุข สันติภาพ รวมถึงความสามัคคีบังเกิดตลอดประเทศ
งานไหลเรือไฟปีนี้จัดขึ้นตั้งแต่ 27 กันยายน ถึง 8 ตุลาคม 2568 เป็นเวลา 12 วัน 12 คืน บนพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ตลอดแนวเขตเทศบาลเมืองนครพนมและศาลากลางจังหวัดนครพนม โดยในคืนวันออกพรรษา (คืนขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11) ถือเป็นคืนไฮไลต์ของงาน มีการปล่อย เรือไฟยักษ์ 12 ลำ จาก 12 อำเภอ เพื่อประกวดความงดงามและสะท้อนเรื่องราววิถีวัฒนธรรมท้องถิ่น
บรรยากาศงาน ประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟและงานกาชาด จังหวัดนครพนม เต็มไปด้วยความคึกคัก ตลอดแนวริมฝั่งแม่น้ำโขงกว่า 2 กิโลเมตร เนืองแน่นไปด้วยประชาชนและนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศ ที่มาร่วมชมความงามของ เรือไฟยักษ์จำนวน 12 ลำ จาก 12 อำเภอ ซึ่งร่วมแรงร่วมใจสร้างสรรค์อย่างอลังการ เพื่อสืบสานประเพณีเก่าแก่ของชาวลุ่มน้ำโขง พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่
ปีนี้เรือไฟแต่ละลำออกแบบลวดลายสื่อถึงเอกลักษณ์ของจังหวัดนครพนม เช่น พระธาตุพนม พญาศรีสัตตนาคราช สะพานมิตรภาพไทย–ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม–คำม่วน) รวมถึงภาพสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเพิ่มภาพ ทหารหาญ เพื่อสะท้อนถึงหัวใจแห่งความเสียสละของผู้พิทักษ์ชายแดน
advertisement
เรือไฟจาก อำเภอศรีสงคราม กลายเป็นไฮไลต์สำคัญ ด้วยขนาดยาวกว่า 100 เมตร สูง 35 เมตร ใช้ไม้ไผ่กว่า 8,000 ลำ และติดตั้งตะเกียงไฟโบราณถึง 25,000 ดวง ถือเป็นเรือไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้ชมอย่างมาก โดยในปีนี้ยังมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการจุดไฟและตกแต่ง เพิ่มสีสันให้สวยงามยิ่งขึ้น
สำหรับผลการประกวดเรือไฟชิงถ้วยพระราชทานปีนี้
advertisement
ประเภทความสวยงาม
รางวัลชนะเลิศ: อำเภอท่าอุเทน
รองชนะเลิศอันดับ 1: อำเภอธาตุพนม
รองชนะเลิศอันดับ 2: อำเภอโพนสวรรค์
รางวัลชนะเลิศ: อำเภอท่าอุเทน
advertisement
ประเภทความคิดสร้างสรรค์
รางวัลชนะเลิศ: อำเภอปลาปาก
รองชนะเลิศอันดับ 1: อำเภอศรีสงคราม
รองชนะเลิศอันดับ 2: อำเภอนาแก
–
advertisement
ขณะเดียวกัน ศิลปินเรือไฟที่ได้รับการเชิดชูเกียรติในปีนี้ ได้แก่ นายชินวัต ทองปรีชา และ นายเฉลียว สุโท ซึ่งถือเป็นผู้สืบสานภูมิปัญญาการสร้างเรือไฟให้คงอยู่คู่ลุ่มน้ำโขง คาดว่าตลอดช่วงจัดงาน จะมีนักท่องเที่ยวกว่าแสนคนเข้าร่วมชม และสร้างรายได้หมุนเวียนเข้าสู่จังหวัดนครพนมหลายสิบล้านบาท
เรียบเรียงโดย : thaihitz.com
advertisement