advertisement
กลายเป็นประเด็นดราม่าร้อนเลยทีเดียว หลังจากที่ร้านปังชาชื่อดัง ได้ออกมาเผยว่า เมนูปังชาได้มีการจดลิขสิทธิ์ไปแล้ว ให้งดใช้ชื่อปังชาในเมนูอาหาร ท่ามกลาง กระแสจากสังคม ว่าเพราะอะไรจึงมีการอนุมัติให้จดลิขสิทธิ์อาหาร และที่เป็นประเด็นร้อนยิ่งกว่า ก็คือร้านปังชาร้านอื่นหลาย ๆ ร้าน โดนร้านปังชาแบรนด์ดัง ยื่นโนติสฟ้อง สูงสุดถึง 102 ล้านบาท ทำเน็ตถึงขั้นเดือดแทนเจ้าของร้านปังชาที่โดนยื่นโนติสแบบขูดเลือดขูดเนื้อ
ล่าสุด (31 ส.ค. 66) คุณแก้ม เจ้าของร้านปังชาชื่อดัง ก็ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ กรณีที่มีการยื่นโนติสไปยังร้านปังชาต่าง ๆ โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงราย ที่ถูกเรียกเงินกว่า 102 ล้านบาท ว่า ตนขออนุญาตกราบขอโทษ ตอนนี้เศร้ามากที่ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนในการสื่อสารของทางร้าน จนเจอกระแสสังคมอย่างหนักทั้งผู้รับและทางเรา และขอโทษร้านปังชา จ.เชียงราย และร้านทางช้างเผือก จ.สงขลา หากมีโอกาสจะไปขอโทษน้องเขาด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงขอกราบขอโทษน้องทั้งสองร้าน แล้วก็ประชาชนทุกคน
เรื่องราวเกิดจากการที่เพจของร้าน มีการโพสต์ภาพที่เกี่ยวกับเรื่องที่มีการจดลิขสิทธิ์ มีการใส่ข้อความ แต่ไม่ได้มีการอธิบายอย่างชัดเจน และการใส่ข้อความเป็นการสื่อสารที่ผิด เมื่อถูกแชร์ออกไปจึงทำให้เกิดความเข้าใจผิด
advertisement
เมื่อคุณหนุ่ม กรรชัย ได้ถามว่า มันเป็นการใจดำเกินไปหรือไม่ ที่ไปเรียกเงินร้านอื่น ๆ ตั้ง 102 ล้านบาท บางร้าน 7 แสนบาท รู้สึกว่าใจดำเกินไปหรือไม่ คุณแก้มก็ได้เผยว่า ต้องเรียนตามตรงว่า ที่ออกโนติสไป ไม่ใช่การฟ้อง ไม่ได้มีเจตนาที่จะฟ้องร้องใคร และไม่มีสิทธิที่จะไปฟ้องใครได้ แต่ในโนติสที่ยื่นไป 102 ล้าน เป็นเรื่องของเครื่องหมายการค้า หรือโลโก้ เราก็ดูแบบอย่างการให้ความสำคัญมาจากต่างประเทศ และก็มีของคนไทยที่ถูกต่างชาติเอาไปจด อย่างเช่นศรีราชา ตนได้ไปเทียบค่าจากอันนั้น จึงเป็นความผิดพลาดของทางเรา
เมื่อคุณหนุ่ม ถามอีกว่า "ถามคุณแก้มตรง ๆ ขอให้พูดชัด ๆ ตรงนี้เลยว่า คำว่า "ปังชา" ใช้ได้หรือไม่ได้" คุณแก้ม ตอบว่า "ปังชาใช้ได้ค่ะ ทุกคนใช้ได้เลยค่ะ คืองี้แก้มไม่ได้จองเป็นของคนเดียว ปังชา ปังเย็น ปังน้ำแข็งไส ใช้ได้เลย จากการที่คุยกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา ทำให้ได้รับข้อมูลร่วมกันและถูกประกาศออกมาตามที่เราแจ้ง ปังชา ปังชาเย็น ใช้ได้หมด เป็นไปตามที่ประกาศ ส่วนเรื่องภาชนะในการใส่ปังชา ที่มีการจดลิขสิทธิ์เอาไว้แล้วนั้น เราจะมีเกณฑ์วัดอย่างไรว่า คล้ายหรือไม่คล้าย ผิดสิทธิบัตรหรือไม่ ต้องให้กรมเป็นคนตัดสิน แต่ถ้าเหมือนมาก ๆ อันนี้ก็ผิดสิทธิบัตร แต่แก้มตอบแบบลึก ๆ ไม่ได้ว่า ต้องเหมือน ต้องคล้ายแค่ไหน"
advertisement
advertisement
หลังจากที่มีการชี้แจงออกมา แน่นอนว่ายังไม่สามารถจบประเด็นดราม่าได้ เพราะชาวเน็ตยังมีข้อคาใจในหลาย ๆ เรื่อง ที่ต้องรอดูกันต่อไปว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร
เรียบเรียงโดย : thaihitz.com
advertisement