advertisement
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นพระราชินีผู้ไม่เพียงแต่เปี่ยมด้วยพระเมตตาและทรงอุทิศพระวรกายเพื่อประชาชนเท่านั้น แต่ยังทรงมีพระอัจฉริยภาพในด้านศิลปวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “เครื่องแต่งกายอย่างไทย” ที่ทรงสืบสาน อนุรักษ์ และสร้างสรรค์ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง จนกลายเป็นชุดประจำชาติอันสง่างามและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
จุดเริ่มต้นแห่งแรงบันดาลใจ : การเสด็จเยือนต่างประเทศ ปี พ.ศ. 2503
–
advertisement
ต้นกำเนิดของ “ชุดไทยประจำชาติ” เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2503 เมื่อสมเด็จพระพันปีหลวงโดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนสหรัฐอเมริกาและ 15 ประเทศในยุโรป เพื่อเจริญสัมพันธไมตรีและเผยแพร่ภาพลักษณ์ของประเทศไทยต่อสายตาชาวโลก
–
advertisement
advertisement
ในเวลานั้น พระองค์ทรงตระหนักว่า “สตรีไทยยังไม่มีชุดประจำชาติ” ที่ชัดเจนเหมือนส่าหรีของอินเดียหรือกิโมโนของญี่ปุ่น รวมถึงช่างไทยเองก็ยังขาดความชำนาญในการตัดเย็บเสื้อผ้าแบบตะวันตก นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของภารกิจครั้งสำคัญ ภารกิจในการรังสรรค์ “เครื่องแต่งกายอย่างไทย” ให้สง่างามและร่วมสมัย
–
advertisement
–
การสร้างสรรค์ชุดไทย : ผสานรากวัฒนธรรมกับแฟชั่นระดับโลก
ด้วยพระวิสัยทัศน์อันล้ำเลิศ สมเด็จพระพันปีหลวงทรงเริ่มต้นจากการศึกษาค้นคว้าอย่างละเอียด ทั้งในประวัติศาสตร์ราชสำนักไทยและธรรมเนียมการแต่งกายของสตรีไทยในอดีต พร้อมทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยออกแบบ “ชุดไทยมาตรฐาน” สำหรับทรงใช้ในงานพระราชพิธีและการเสด็จเยือนต่างประเทศ
–
เพื่อให้ฉลองพระองค์มีความประณีตงดงามในระดับนานาชาติ พระองค์ยังทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จ้างผู้เชี่ยวชาญจากฝรั่งเศส ได้แก่
– ปิแอร์ บัลแมง (Pierre Balmain) ดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลก รับหน้าที่ออกแบบและให้คำปรึกษาด้านมารยาทการแต่งกายสากล
– ฟรองซัวส์ เลอซาจ (François Lesage) ช่างปักฝีมือเยี่ยมแห่งปารีส ผู้ดูแลงานปักฉลองพระองค์อย่างละเอียดอ่อน
–
ผลลัพธ์ที่ได้คือ ชุดไทยพระราชนิยม ที่สวยสง่าด้วยเอกลักษณ์ความเป็นไทย ผสมผสานกับความประณีตแบบสากล พระสิริโฉมที่ทั่วโลกยกย่อง เมื่อสมเด็จพระพันปีหลวงและในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จเยือนต่างประเทศ ฉลองพระองค์แต่ละชุดที่ทรงสวมใส่ ได้รับคำชื่นชมจากสื่อมวลชนและแฟชั่นดีไซเนอร์ทั่วโลก
–
–
พระองค์ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 10 สตรีที่แต่งกายงามที่สุดในโลก ปี พ.ศ. 2503 และในปี พ.ศ. 2507 ทรงได้รับการจัดอันดับให้เป็น “สตรีที่แต่งกายงดงามที่สุดในโลก” อีกครั้ง ต่อมา ในปี พ.ศ. 2508 พระนามาภิไธยของพระองค์ได้รับการจารึกไว้ใน “หอเกียรติคุณสุภาพสตรีที่แต่งกายงามที่สุดในโลก” ณ นครนิวยอร์ก
นิตยสารแฟชั่นระดับโลกอย่าง Vogue ยังตีพิมพ์พระฉายาลักษณ์ของพระองค์ในฉบับเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2525 พร้อมบทความยกย่องถึงพระราชจริยวัตรและพระสิริโฉมในฉลองพระองค์ชุดไทย
–
–
ยกระดับ “ผ้าไทย” สู่หัวใจของโลก
ความสำเร็จครั้งนั้นไม่เพียงยกระดับภาพลักษณ์ของสตรีไทย แต่ยังทำให้ “ผ้าไทย” กลับมามีชีวิตอีกครั้งในวงการแฟชั่นทั้งในและต่างประเทศ พระองค์ทรงนำฉลองพระองค์ที่ใช้ในต่างประเทศกลับมาดัดแปลงให้เหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทย และทรงสวมใส่ในพระราชพิธีต่าง ๆ เพื่อเป็นแบบอย่างแก่สตรีไทย
–
–
สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงพระราชดำริที่ลึกซึ้ง คือการทำให้ “ความเป็นไทย” ไม่ได้อยู่แค่ในอดีต แต่สามารถก้าวไปเคียงข้างโลกได้อย่างสง่างาม
–
จากพระวิสัยทัศน์ สู่มรดกทางวัฒนธรรม ปัจจุบัน “ชุดไทยพระราชนิยม” ทั้ง 8 แบบ ยังคงเป็นแบบแผนสำคัญที่ใช้ในงานราชพิธีและโอกาสพิเศษ และเป็นเครื่องหมายแห่งความภาคภูมิใจของคนไทยทั่วประเทศ
–
–
–
–
–
–
–
–
–
–
–
–
–
–
–
–
–
–
–
–
–
–
–
–
–
–
–
–
–
–
–
–
–
สมเด็จพระพันปีหลวง จึงทรงเป็น “ผู้นำแฟชั่นผ้าไทย” ผู้ชุบชีวิตผืนผ้าให้กลับมามีคุณค่า และทรงฝากมรดกแห่งความงามนี้ไว้ให้ลูกหลานไทยสืบต่อไป
เรียบเรียงโดย : thaihitz.com
advertisement
