advertisement
จากกรณี แผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา แผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.7 แมกนิจูด เกิดขึ้นทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองสะกายในภาคกลางของพม่าในช่วงบ่าย และตามมาด้วยอาฟเตอร์ช็อกขนาด 6.4 แมกนิจูดในอีกไม่กี่นาทีต่อมา แผ่นดินไหวครั้งนี้ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังราบ สะพานพังถล่ม และถนนแตกร้าวในพื้นที่ต่างๆ ของพม่า และยังทำให้ตึกสูง 30 ชั้นที่กำลังก่อสร้างในกรุงเทพฯ พังถล่มด้วย ในโลกโซเชียลของเมียนมาและไทยได้มีการแชร์ภาพของดินที่มีความผิดปกติ เหมือนรอยแยกแล้วมีดินสีเทาผุดขึ้นมา สร้างความสงสัยว่าคืออะไร
ล่าสุด ทางด้านเฟสบุ๊ก Jessada Denduangboripant อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ เฉลยถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ระบุว่าคือปรากฏการณ์ liquidfaction ซึ่งเกิดจากแผ่นดินไหว ทำให้แรงดันน้ำในดินสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นฟองดัน มีโคลนขึ้นมาตามรอยแยก เรียกว่า สภาวะดินเดือด (soil boiling) โดยได้โพสต์ระบุว่า…
(เพิ่มเติมข้อมูล : เป็นปรากฏการณ์ "liquidfaction" เกิดจากแผ่นดินไหวทำให้แรงดันน้ำในดินสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเกิดเป็นฟองดัน ดินโคลนขึ้นมาตามรอยแยก เรียกว่า "สภาวะดินเดือด soil boiling" ครับ)
ถ้าให้เดา มันก็น่าจะเป็นการเกิดรอยแยก แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว และทำให้น้ำใต้ดินผุดขึ้นมาครับ แล้วน้ำก็ผลักดันพวกดินโคลนแร่ธาตุที่อยู่ใต้ดิน ขึ้นมาแห้งข้างบนด้วย ถ้าให้มั่นใจได้มากกว่านี้ ก็ต้องส่งทีมธรณีวิทยา ไปสำรวจครับ แต่ไม่ใช่ลาวาหรือหินหลอมเหลวแน่ๆครับ ตรงนั้นเป็นแค่รอยเลื่อน ไม่ใช่แนวปะทุเป็นภูเขาไฟ
advertisement
(เพิ่มเติม) Soil boiling คือ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อก๊าซหรือของเหลวใต้ดินถูกดันขึ้นมาผ่านชั้นดินอย่างรวดเร็ว ทำให้ดินดูเหมือนกำลังเดือด (คล้ายกับน้ำเดือด) ซึ่งมักเกิดขึ้นจากแรงดันที่สะสมอยู่ใต้ดินและสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
1. แรงดันน้ำใต้ดิน (Pore Water Pressure) สูง
advertisement
– เกิดขึ้นเมื่อน้ำใต้ดินถูกกักอยู่ใต้ชั้นดินที่มีความหนาแน่นสูง แล้วได้รับแรงดันเพิ่มขึ้น เช่น จากกระบวนการก่อสร้างหรือแผ่นดินไหว
2. กระบวนการทางธรณีวิทยา
– เช่น การปล่อยก๊าซจากโพรงใต้ดิน หรือกิจกรรมของภูเขาไฟ
3. Liquefaction (การทรายเหลว)
– เกิดขึ้นเมื่อดินอิ่มตัวด้วยน้ำและได้รับแรงสั่นสะเทือน เช่น จากแผ่นดินไหว ทำให้ดินสูญเสียความแข็งแรงชั่วคราวและเคลื่อนตัวขึ้นมาเหมือนกำลังเดือด
4. การรั่วไหลของก๊าซใต้ดิน
– เช่น มีเทน (Methane) หรือก๊าซธรรมชาติอื่น ๆ ที่สะสมอยู่ใต้ดินแล้วมีแรงดันมากพอที่จะดันตัวขึ้นมาสู่ผิวดิน
ปรากฏการณ์นี้อาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐาน เช่น อาคาร ถนน และเขื่อน เพราะอาจทำให้ดินสูญเสียความแข็งแรงและเกิดการทรุดตัวได้
advertisement
–
ไขข้อสงสัยให้กับชาวเน็ตแล้ว ว่าเป็นปรากฏการณ์ liquidfaction ซึ่งเกิดจากแผ่นดินไหว ทำให้แรงดันน้ำในดินสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นฟองดัน มีโคลนขึ้นมาตามรอยแยก เรียกว่า สภาวะดินเดือด (soil boiling)
เรียบเรียงโดย : thaihitz.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก Jessada Denduangboripant
advertisement