advertisement
จากเหตุการณ์ก่อการร้ายที่ห้างสรรพสินค้า เทอร์มินอล21 เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 63 ที่ผ่านมา ล่าสุด (10 ก.พ. 63) มีการเปิดเผยว่า ห้างสรรพสินค้าดังกล่าวได้ทำประกันภัยเสี่ยงภัยทรัพย์สินไว้ โดยเริ่มคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2562 ถึงสิ้นสุดคุ้มครองวันที่ 18 ธันวาคม 2563 ดังนี้
1) บมจ.ทิพยประกันภัยรับประกันสัดส่วน 40% วงเงิน 2,074,000,000 บาท
2) บมจ.ฟอลคอนประกันภัย 25% วงเงินรวม 1,296,250,000 บาท
3) บมจ.อาคเนย์ประกันภัย 15% วงเงินรวม 777,750,000 บาท
4) บมจ.แอกซ่าประกันภัย 10% วงเงินรวม 518,500,000 บาท และ บมจ.ไทยไพบูลย์ประกันภัย 10% วงเงินรวม 518,500,000 บาท หรือรวมกันประมาณ 5,185 ล้านบาท
ส่วนการประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก (เนื่องจากภัยที่เอาประกันภัยไว้อยู่ภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์) ได้มีการทำประกันไว้ในสัดส่วน
1) ทิพยประกันภัย 40%
2) บมจ.ฟอลคอนประกัน 25%
advertisement
3) บมจ.อาคเนย์ประกัน 15%
4) บมจ.แอกซ่าประกัน 10% และ
5) บมจ.ไทยไพบูลย์ประกัน 10% ในวงเงินเอาประกันภัยรวม 464,000,000 บาท นอกจากนี้ ยังได้มีการซื้อประกันภัยความรับผิดชอบต่อรับผิดต่อบุคคลภายนอกไว้กับ บมจ.ชับบ์สามัคคีประกันภัยอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีความสูญเสียด้านรายได้ที่อาจต้องปิดห้างไปอีก 2-3 อาทิตย์ เพื่อเคลียร์พื้นที่ซ่อมแซมรูกระสุน ความเสียหายในทรัพย์สินอื่นๆ และความเสียหายจากหลักประกัน (Collateral Damage) ที่ห้างจะมีคนมาเข้าห้างลดน้อยลง เพราะความหวาดกลัวต่างๆ
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ และสายกลยุทธ์องค์กร บูรณาการการทำงานร่วมกับ สายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค โดยสำนักงาน คปภ. ภาค 4 (นครราชสีมา) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งดูแลรับผิดชอบพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ติดตามและลงพื้นที่ตรวจสอบว่าผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า มีการทำประกันภัยประเภทใดไว้บ้าง เพื่อช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในการนำระบบประกันภัยเข้าไปเยียวยาความสูญเสียที่เกิดขึ้นในครั้งนี้อย่างเต็มที่
advertisement
เหตุการณ์ในครั้งนี้สร้างความสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สินมหาศาล รวมไปถึงสภาพจิตใจของคนในพื้นที่และคนไทยทั้งประเทศที่อาจจะหวาดกลัวไปอีกนาน
เรียบเรียงโดย : thaihitz.com
advertisement