advertisement
กลายเป็นประเด็นใหญ่ที่สังคมให้ความสนใจและติดตาม สำหรับกรณี เสี่ยท็อป เสี่ยที่อ้างตัวเป็นเสี่ยหมื่นล้าน แล้วหลอกแต่งงาน-จดทะเบียนสมรสกับพริตตี้สาวชาว จ.บุรีรัมย์ แต่สุดท้ายกลับหนีหาย ทิ้งหนี้ไว้ให้เจ้าสาวรับผิดชอบกว่า 3.5 ล้านบาท มีเรื่องออกมาแฉเสี่ยท็อปมากมาย
ล่าสุด เสี่ยท็อป ผู้ถูกกล่าวหา ก็ได้เปิดหน้าโฟนอินเปิดเผยเรื่องราวดังกล่างผ่านรายการข่าวช่อง 8 ว่า เรื่องหนี้สินยังไงก็ต้องกลับไปรับผิดชอบ แต่ไม่ได้นัดวัน เวลา ที่จะกลับไปเคลียร์ เมื่อเสร็จธุระจะกลับมาเคลียร์ สำหรับออร์แกไนซ์ ก็ได้ติดต่ออยู่เรื่อยๆ กลับไปถึงเมืองไทยก็จะนัดไปเคลียร์ ได้ติดต่อเรื่อยๆ เพราะเป็นผู้ใหญ่ที่นับถือกันอยู่
ทำไมไม่มีใครแจ้งความดำเนินคดี เสี่ยท็อป กล่าวว่า สำหรับออร์แกไนซ์ คงไม่แจ้งความ เพราะไม่ใช่เรื่องอาญา แต่ที่ผ่านมาก็คุยกันมาตลอด มีแต่ทางโรงแรมที่ขาดติดต่อไป แต่ก็รับผิดชอบในหนี้สินอยู่แล้ว
มีข้อสงสัยว่ามีผู้เสียหายเปิดเผยหลายกรณี แต่ทำไมไม่มีใครแจ้งความ เป็นเพราะเอาเงินไปเคลียร์แล้วหรือไม่ เสี่ยท็อป กล่าวว่า ไม่ใช่เลยครับ
คุณท็อปเป็นคนยังไงเป็นคนอย่างที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ เสี่ยท็อป กล่าวว่า คดีความที่เกิดขึ้นแต่ก่อน เราทำธุรกิจมันเกิดขึ้นได้ แต่ว่า ไม่ใช่เป็นคดีที่เกิดจากการไปหลอกเอาเงินคนอื่น เป็นเรืองการกลั่นแกล้ง คดีความจบลงหมดแล้ว ตอนนี้ไม่มีคดีค้าง
ทำไมเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนที่อยู่บ่อย เสี่ยท็อป กล่าวว่า ผมเปลี่ยนแค่ 3 ครั้ง ถามว่า เปลี่ยนชื่อ 3 ครั้งในรอบ 50 ปี บ่อยเหรอ ที่เปลี่ยนบ่อยเพราะผมเป็นคนเชื่อเรื่องดวง เรื่องหมอดู พอหมอดูทักก็ไปเปลี่ยน ไม่เคยหนีคดี ถ้ามีข้อกล่าวหา เราก็ชี้แจง
จริงเป็นเสี่ยฐานะร่ำรวย หรือ เอาภาพโปรไฟล์ไว้หลอกคน เสี่ยท็อป กล่าวว่า เรื่องที่บอกว่ารวยเป็นเสี่ย พวกท่านเป็นคนตั้งขึ้นมา เรื่องภาพ เป็นการถูกแฮ้ก ถูกดึงข้อมูลไปเผยแพร่ ภาพที่อยู่บนแอฟ ตั้งเป็นไพรเวททั้งนั้น มีคนเอาออกไปเผยแพร่ทั้งนั้น
advertisement
advertisement
เรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเสี่ยกำมะลอ จะตอบสังคมยังไง เสี่ยท็อป กล่าวว่า มันเกิดจากการบิดเบือนข่าว ทำให้กลายเป็นกระแส ผมกลายเป็นผู้เสียหายที่ทำให้ถูกสร้างขึ้นมาตั้งฉายาให้
แล้วทำไมไม่แถลงข่าวชี้แจงที่ประเทศไทย เสี่ยท็อป กล่าวว่า ผมมีกำหนดการณ์เดินทางอยู่แล้ว ต้องมาคุยเจรจาเรื่องธุรกิจ เป็นภารกิจสำหรับของผมที่ต้องมาทำ
มีการออกมาแฉจำนวนมาก จะตอบอย่างไร เสี่ยท็อป กล่าวว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นจริง ก็ต้องมีหลักฐานดำเนินคดี แต่เท่าที่สังเกตมีแต่คำกล่าวอ้าง และไม่ได้ตรวจสอบให้ดีก่อน เลยเป็นเรื่องคุกคามใหญ่โต
มีสื่อต่างประเทศออกข่าวว่า มีนักธุรกิจชาวจีนมีส่วนพัวพันและถูกแบนไป เสี่ยท็อป กล่าวว่า เพิ่งได้ยินข่าวเมื่อเช้าก็ตกใจ ซึ่งชื่อบริษัทเป็นคนละบริษัทกัน และไทม์ไลน์ของผมไม่ได้อยู่ที่นั่น ผมอยู่ประเทศไทย มันเป็นไปไม่ได้
มีพาสปอร์ตสีน้ำเงิน เข้าออกประเทศจีน บัตรเข้าออกทำเนียบ มีได้อย่างไร เสี่ยท็อป กล่าวว่า ไม่มีการทำปลอมอยู่แล้ว บัตรราชการก็ต้องมีการตรวจสอบก่อนออก ซึ่งเป็นเรื่องที่นานมาแล้ว ก็สามารถไปตรวจสอบได้ อย่างพาสปอร์ตน้ำเงิน ก็ต้องมีเอกสารชัดเจนถึงจะตรวจสอบได้ โดยขณะนั้นเป็นคณะทำงานให้ท่านสุชาติ ลายน้ำเงิน คณะของท่านเฉลิม อยู่บำรุง โดยการที่เข้าไปประเทศจีน ไปในฐานะตัวแทนของการรถไฟ
และเรื่องการขายเห็ด เสี่ยท็อป กล่าวว่า ขายเห็ดจริง ผมไปสร้างอาชีพให้แฟนเก่า อยากให้มีอาชีพปกติ ก็ต้องทำให้ดู จริงๆ เรื่องนี้อาจจะเกิดจากปัญหาของสามีภรรยา จากเรื่องเล็กๆ แต่มีขบวนการปั่นจนทำให้เรื่องลุกลามบานปลาย เสี่ยท็อป กล่าว
ก็เป็นการเปิดใจครั้งแรกของเสี่ยท็อปหมื่นล้านที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาอยู่ในตอนนี้ ฟังความอีกข้างหนึ่งเป็นยังไงกันบ้าง ควาจริงแล้วเรื่องนี้คืออะไรกันแน่ ต้องติดตามกันต่อไป
เรียบเรียงโดย : thaihitz.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 8
advertisement