advertisement

ทำโรงงานปลูกพืชระบบปิด ลูกค้าตอบรับดีจนปลูกขายแทบไม่ทัน


advertisement

        เป็นอีกหนึ่งทางเลือกทางการเกษตรที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก ล่าสุดทางบริษัท วังรี เฮลท์ แฟคตอรี่ ได้ทำการเกษตรแบบโรงงานปลูกพืชระบบปิด แบบปลอดเชื้อ โดยระบบการเกษตรแบบโรงงานปลูกพืชระบบปิดนั้น   เป็นระบบการปลูกพืชแบบควบคุมเต็มรูปแบบ ระบบแบบนี้จะควบคุมทั้งสภาพแสง ความชื้น อุณหภูมิ แร่ธาตุ รวมไปถึงการกระตุ้น ให้พืชหลั่งสารเคมีบางอย่างที่ต้องการ เพื่อเพิ่มอัตตราการผลิตให้เป็นไปตามที่ต้องการและควบคุมกระบวนการทั้งระบบ ซึ่งลักษณะการทำเกษตรแบบนี้จะอาศัยพื้นที่ในอาคารที่มีลักษณะปิดและจะเป็นแนวโน้มของการก้าวไปสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่ (Future of Food 4.0)

       ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ภาคการเกษตรมีความสำคัญต่อประชากรเป็นอย่างมากและเรามีการทำการเกษตรมาอย่างช้านาน แต่ระบบการทำการเกษตรของเรานั้นยังไม่มีการพัฒนาเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเซีย เกษตรกรไทยส่วนใหญ่ยังต้องพึ่งพาปัจจัยแวดล้อมที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ปริมานน้ำฝนกับอากาศที่ปัจจุบันเราไม่สามารถแม้แต่ทำนายสภาพอากาศ ในแต่ละปีได้แม่นยำ ซึ่งทำให้ผลผลิตทางการเกษตรไม่เป็นไปตามเป้าหมายในแต่ละปี ทำให้ อุปสงค์ กับ อุปทาน  ในตลาดการเกษตรขาดความสมดุล

     นอกจากนั้น เทคโนโลยีการเกษตรกับองค์ความรู้ทางการเกษตรสมัยใหม่ก็ไม่สามารถเข้าถึงเกษตรกรได้อย่างทั่วถึง ซึ่งทำให้เกษตรกรที่ปลูกพืชแบบ GAP มีความเข้าใจที่ผิดๆ ในการใช้สารเคมีต่างๆ โดยส่วนมากถูกชวนเชื่อจากสื่อโฆษณาต่างๆ ที่ทำให้เกิดการเสียดุลการค้าระหว่างประเทศและเพิ่มภาระต้นทุนในกับเกษตรกร การใช้สารเคมีมากเกินความจำเป็น นอกจากเพิ่มต้นทุนการเพาะปลูกให้กับเกษตรตกรแล้ว ยังนำพาปัญหาที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกมากมาย อาทิเช่น ปัญหาดินเสื่อมคุณภาพ, ปัญหาแหล่งน้ำเป็นพิษและปัญหาระบบนิเวศที่ทำให้เกิดโรคพืชและแมลงที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปีนอกจากนั้นผู้บริโภคยังได้รับผลกระทบจากสารเคมีตกค้างเนื่องจาก การใช้สารเคมีมากเกินไปซึ่งนำมาสู่ปัญหาสุขภาพในระยะยาว


advertisement

     กลไกตลาดที่ต้องผ่านระบบคนกลางก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกษตรกรไม่สามารถขายสินค้าได้ในราคาที่ยุติธรรม เมื่อผลผลิตล้นตลาดพ่อค้าคนกลางก็จะกดราคาสินค้า ทำให้เกษตรกรประสบปัญหาขาดทุนและมีหนี้สิน ในทางกลับกันถ้าสินค้าขาดตลาดเกษตรกรก็ไม่สามารถเรียกราคาสูงได้แต่ ผู้บริโภคปลายทางกลับเป็นผู้ที่รับภาระในการซื้อสินค้าราคาแพง เนื่องจากกลไกลของตลาดถูกผูกขาด โดยคนกลางอย่างไม่ยุติธรรม

     โครงการ Plant Factory คือการนำเอานวัตกรรมมาผสมผสานกับเทคโนโลยีการเกษตร เพื่อที่จะแก้ปัญหาต่างๆ และพัฒนาระบบเกษตรกรรมให้มีคุณภาพสูงขึ้นในเชิงปริมาณและคุณภาพ อีกทั้งยังสนับสนุนส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจการเกษตรที่เป็นยุทธศาสตร์หลักของชาติและกลับสู่ภูมิลำเนาเพื่อพัฒนาถิ่นกำเนิดสร้างภูมิสังคมที่แข็งแรงตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ


advertisement

     ซึ่งโครงการ Plant Factory นำจุดแข็งของ Internet 3G ที่มีการบริการที่ครอบคลุมเกือบ ทั้งประเทศ ร่วมกับเทคโนโลยี Internet of things (IOT) โดยจำลองการบริหารจัดการเสมือนผู้ บริโภคสามารถควบคุมการเพาะปลูกได้ด้วยตัวเองและทำให้ผู้บริโภคสามารถสั่งปลูกพืชผักจากเกษตรกร ได้โดยตรงโดยผ่านระบบ Internet ในการจัดซื้อโดยตรงไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง สร้างความสัมพันธ์ ระหว่างเกษตรกรกับผู้บริโภคด้วย ดังนั้นเกษตรกรจะเป็นผู้ดูแลการตลาดด้วยตัวเองโดยผู้บริโภคก็สามารถควบคุมการเพาะปลูกได้ด้วยตัวเอง

     นอกจากนั้นเกษตรกรยังสามารถควบคุมการผลิตในระบบปิดที่มีการควบคุมปัจจัยเรื่อง น้ำ อากาศ และ ความชื้นในปริมานที่เหมาะสมโดยมีระบบเซ็นเซอร์เป็นตัวควบคุมซึ่งทำให้ประหยัด ทรัพยากรทางธรรมชาติและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งผลผลิตที่ได้มีความแน่นอนในเชิงปริมาน ในแต่ละรอบปลูกสูงถึง 95% และยังปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพผู้บริโภค 100%

คลิ๊กที่นี้เพื่อชมคลิป

     Plant Factory ยังจะนำนวัตกรรม Factory 4.0 กับ เทคโนโลยี Smart Farming มาปรับใช้เพื่อลดขนาดพื้นที่เพาะปลูกซึ่งสามารถกระจายเข้าสู่ชุมชนได้ทุกพื้นที่โดยไม่มีข้อจำกัดแม้ในตัวเมืองก็สามารถสร้างได้ซึ่งสามารถลดค่าขนส่งที่เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้สินค้าราคาสูงและสามารถรักษาคุณภาพของ ผลผลิตให้มีความสดเหมือนกับปลูกเองที่บ้านได้อีกด้วย และยังใช้เทคโนโลยีผลิต และจัดเก็บ เพื่อลดปัญหาแรงงานและความเสียหายของผลผลิต นอกจากนั้นยังมีการนำเทคโนโลยี BIG DATA เข้ามาจัดเก็บข้อมูลต่างๆ เช่น ข้อมูลผู้บริโภค, ข้อมูลพืช เพื่อนำมาพัฒนาสินค้าและ บริการอย่างมีประสิทธิภาพ  


advertisement

advertisement