advertisement

พยาบาลสาว ขึ้นป้ายกราบขอลาออก เพราะลากิจหมดแล้ว ชีวิตราชการไม่ตอบโจทย์


advertisement

       คงเป็นความเชื่อ ค่านิยม ที่ถูกปลูกฝังกันมาอย่างช้านาน กับงานการที่ผู้คนมองว่ามีเกียรติ มีความมั่นคง สำหรับคนไทยจำนวนมาก ต้องมองไปที่งานราชการ และแน่นอนว่า เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ความคิดคนเราเริ่มเปิดกว้าง การเป็นข้าราชการก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน     

     เช่นเดียวกับพยาบาลสาว ที่ตัดสินใจลาออกจากงานราชการ เพราะการเป็นข้าราชการ ไม่ได้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของเธอ ความมั่นคงที่อาจจะมาในตอนที่เกษียณอายุราชการแล้ว แต่เงินเดือนที่ใช้ในทุกๆเดือนกลับไม่เพียงพอให้ใช้หาความสุขในปัจจุบัน โดยเฟซบุ๊กคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้หยิบยกเรื่องนี้มาพูด ระบุว่า…

       "พยาบาลท่านนี้ ลาออก สะท้อนอะไร ผู้ใช้เฟซบุ๊ครายหนึ่ง โพสต์ภาพและข้อความ #ขอกราบลาออกจากข้าราชการ บทนำ อย่าเรียนจบแล้วกลายเป็นแค่บัณฑิต จงเป็นตำนาน ตำนานแบบที่อาจารย์ยังด่าให้รุ่นน้องฟังอยู่ ทั้งที่จบมานานแล้ว (พิมพ์ยาวมาก น่าจะยาวที่สุดที่จะโพสแล้ว)
เริ่ม! ดิฉันคือชะนี ที่สอบติดทุนได้เป็นพยาบาล การมาเรียนในวงการนี้ก็ไม่ได้มีจิตใจเมตตาปราณีอะไรนักหรอก แค่ทำตามหน้าที่ลูกที่ดี ศิษย์ที่น่ารัก ในบางอารมณ์ถ้าคนไหนกวนตีนใส่เรามากๆ

       เราก็อยากหยุมหัวเขาได้เหมือนกัน เรียนจบมาทำงาน ใช้ชีวิตแบบวนลูป(ตื่น กินข้าว อาบน้ำ ขึ้นเวร นอน ตื่น กินข้าว อาบน้ำ ขึ้นเวร) มันก็จะวนๆแบบนี้ ช่วงแรกอยู่ในตำแหน่งพนักงานประกันสังคมขึ้นเวรจนเงินเดือนหมื่น7ไม่ต้องใช้ เพราะแค่ค่าเวรก็3-4หมื่นแล้ว(ใช้สังขารแลกมา) แต่บ่อยครั้งที่การไปทำงานก็ทำให้เจออะไรบางอย่าง ไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง +ใช้ร่างกายมากๆ มันเลยเกิดอารมณ์อยากลาออกบ่อยๆ หรือไม่ก็มองหาทางที่เหมาะกับตัวเองตลอด(ตลอดจริงๆ)

       ใช้ชีวิตมาเรื่อยๆเปื่อยๆ แต่ระหว่างนั้นก็ไม่เคยปฏิเสธโอกาสที่เข้ามานะ มีสอบอะไรได้ก็ไปสอบ(เลือกบรรจุไปแม่ฮ่องสอน ปัตตานีก็ทำมาแล้ว) จนสุดท้ายได้บรรจุข้าราชการที่กทม. ส่วนนึงก็ทำเพื่อตัวเอง หวังใจว่าการเป็นพยาบาล+ข้าราชการมีหน้าที่การงานการเงินที่มั่นคง จะทำให้แม่ ให้ครอบครัวสบายใจ

       แต่พออะไรที่มันไม่ใช่ มันก็เหมือนเราใช้ชีวิตไปวันๆ กับเงินเดือนหมื่น5+มีสิทธิข้าราชการ ที่ใครๆก็บอกว่ามั่นคง อยู่มาจนได้ปีกว่าๆ เริ่มไม่เห็นคุณค่าของตัวเองต่องานที่ทำละ(จะบอกว่ามันไม่ใช่ ก็ไม่เชิง) ประกอบกับเงินเดือนที่ได้มันสวนทางกับค่าครองชีพ

       ตอนแรกจะย้ายกลับบ้านที่ระยอง ดำเนินการเตรียมเส้นทางพร้อม แต่ก็ปัดตกเพราะเรามองว่ายังไงก็ไม่พ้นชีวิตประมาณเดิม เราเลยเริ่มมีความคิดที่จะไม่เป็นข้าราชการละ แต่!!!!ก็มีคนห่วงบวกพูดใส่ คงเตือนสติแหละ)

       ในเรื่องที่ว่าเป็นข้าราชการมันมั่นคงแล้ว มั่นคงเพราะรัฐบาลเลี้ยงตอนแก่หลังเกษียณและไม่ถูกไล่ออกง่ายๆ เรารับฟังนะ แต่คนหน้าเงินแบบเราอย่างที่บอก เรายังมองความมั่นคงก็คือความมั่งคั่ง ถ้ายังหาเลี้ยงตัวเองได้ และมีเงินใช้ยามฉุกเฉิน เราก็รู้สึกว่านี่คือความมั่นคงแล้ว มั่นคงเพราะราชการถูกไล่ออกยาก เออ….ก็นะ รู้ๆกัน


advertisement

       แต่ชีวิตเราทำไมต้องมานั่งทำงานแบบกลัวโดนไล่ออก?เราไม่ได้เกิดมาเพื่อได้ลองใช้ชีวิตแบบเต็มที่รึไงบางคนคงมองว่าเราโง่ที่ทิ้งงานกับตำแหน่ง..ที่มีแต่คนอยากได้ไป แต่ย้ำนะว่า…นิยามความสุขของชีวิตและเป้าหมายของการเกิดมาใช้ชีวิตอยู่มันไม่เหมือนกัน แต่ละคนมันก็มีความชอบ และทัศนคติต่อความสำเร็จในชีวิตที่แตกต่างกัน บางคนมองว่าข้าราชการคือความสำเร็จของตัวเอง เราก็เคยมีความคิดนั้น แต่พอได้มาเป็นแล้ว มันดันไม่ใช่ว่ะ อาชีพมันก็คืออาชีพ เราคงไปห้ามหรือเปลี่ยนความคิดคนอื่นไม่ได้

       ทุกอาชีพก็มีคุณค่าหาเงินเลี้ยงตัวเองได้เหมือนกัน แค่มีความสุขกับสิ่งที่ทำก็พอ ขอแค่อย่าปิดกั้นตัวเอง และอย่าเป็นคนในแบบที่คนอื่นอยากให้เป็น ถ้าให้เราปล่อยให้ตัวเองเป็นในแบบที่คนอื่นอยากให้เป็น หรือเป็นแบบนั้นเพราะจำใจเป็น แล้วเมื่อไหร่เราจะได้เป็นตัวเองในแบบที่ตัวเราอยากจะเป็นสักที
       สุดท้ายเราชอบคำนี้ "ตั้งเป้าหมายชีวิตไว้ให้ไกล ทำได้ก็เป็นเรื่องดี ทำไม่ไหว…อย่างน้อยก็รู้ว่าไม่มีอะไรได้มาง่ายๆโดยไม่มีอุปสรรค"
#ขอบคุณที่อ่านจนจบ ขอบคุณที่ให้โอกาส คนที่อยู่เบื้องหลังทุกคน"

ความคิดเห็นจากชาวเน็ต 


advertisement

        ชีวิตที่มั่นคง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับงานที่คุณทำ แต่ขึ้นอยู่กับ ความรู้ ประสบการณ์และ ทักษะ ที่คุณมี เชื่อมั่นในตัวคุณเอง แล้วคุณจะสามารถพิชิตความยิ่งใหญ่ในชีวิตของคุณได้

เป็นตัวของตัวเองเยี่ยมเลยครับ 


advertisement

        ประเด็นของเธอทำให้หลายคนต่างมองว่า เป็นอีกหนึ่งเหตุผล ที่แสดงให้เห็นว่าความสุขของคนเราต่างกัน บางคนอาจต้องการความมั่นคงหลังเกษียณ แต่บางคนต้องการใช้ชีวิตทุกวันในปัจจุบันให้มีความสุข

เรียบเรียงโดย : thaihitz.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว  


advertisement