advertisement

บ่าวสาวปรี้ดแตก เล่าประสบการณ์จ้างถ่ายพรีเวดดิ้งสุดชุ่ย สูญเงิน 35,000บาท ไปฟรีๆ


advertisement

      เคยเป็นประเด็นที่โดนชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์อยู่ในโลกโซเชียลกันมาแล้วหลายกรณี สำหรับ เรื่องของการแต่งงาน จัดงานแต่ง แต่งหน้า ชุดแต่งงาน รวมไปถึงเรื่องของการถ่ายพรีเวดดิ้ง ล่าสุด ทางด้านผู้ใช้เฟสบุ๊ก Netty Dogdaddy ก็ได้โพสต์เล่าประสบการณ์ในการถ่ายพรีเวดดิ้งที่ทำให้เสียความรู้สึกสุดๆ โดยได้โพสต์ระบุว่า…

       ขอแชร์ประสบการณ์เรื่องการถ่ายพรีเวดดิ้งกับสตูเหี้ยๆ แห่งนึงหน่อย … ผมยอมทิ้งเงิน 35,000 บาทไปฟรีๆ แม่งเหี้ยแค่ไหนคิดเอา!!! ช่วยกด like กด share กันหน่อย ไม่อยากให้ใครต้องเจอแบบคู่ของเราอีก ยาวหน่อยนะแต่อยากให้อ่าน…

       สตูแห่งนี้ทางสถานที่จัดงานแต่งแนะนำมา ซึ่งเราเห็นว่าทางสถานที่จัดงานเค้าโอเคมากๆ เราก็คิดว่าทางสตูนี้คงจะโอเคเหมือนกัน เลยตกลงว่าจะลองไปคุยกับสตูแห่งนี้ดู

       วันแรกที่ไปคุยที่สตู เจ้าของสตูบอกว่าจะถ่ายพรีเวดดิ้งทั้งหมด 6 ชุด ใช้ชุดที่ร้านของบ่าวสาวคนละ 4 ชุด ชุดตัวเองอีกคนละ 2 ชุด แล้วมีชุดวันจริงให้สำหรับงานเช้าและเย็นของทั้งบ่าวสาวด้วย ซึ่งแฟนผมถามเจ้าของว่าชุดมีมากกว่าที่เห็นข้างล่างใช่มั๊ย?? เจ้าของบอกว่าใช่ ชุดเรามีเยอะเลยมีให้เลือกเพียบ … ทางเราก็บอกไปว่าชุดงานเย็นเรามีแล้ว เราขอแค่ชุดไทยงานเช้าพอ หลังจากนั้นแฟนผมก็เปิดรูปชุดงานเช้าแบบที่เราอยากได้ให้ดู ซึ่งทางสตูไม่มีชุดแบบนี้แต่เจ้าของบอกกับเราว่าจะตัดให้ใหม่ตามแบบที่เราอยากได้ พอเรื่องชุดจบก็คุยเรื่องราคากัน โดยที่เราขอตัดชุดงานเย็นที่เรามีแล้วออก ตัดชุดถ่ายพรีเวดดิ้งของสตูออกอีก 2 ชุด เพราะกลัวเยอะไป.. ตอนคิดราคาทางสตูก็คิดเราเต็มราคาเท่ากับคู่อื่นๆ ไม่ได้ลดอะไรให้เลย นั่นคือเราก็ขาดทุนแล้วนะเพราะเราใช้ชุดน้อยกว่า แต่เราก็ไม่คิดมากกับเรื่องเล็กๆน้อยแค่นี้

       เจ้าของแม่งพูดตลอดว่าทำเอามัน ทำไปแทบไม่ได้อะไรเลย ประสบการณ์เราเยอะถ่ายมาเป็นร้อยคู่ ช่างแต่งหน้าเรามืออาชีพแต่งหน้าดาราคิวยุ่งมากต้องจองล่วงหน้า งานเราดีอย่างโน้นอย่างนี้ บลา บลา บลา …. เราตกลงมัดจำไป เพราะคิดว่าน่าจะโอเคกว่าที่อื่นที่เราไปดูมาก่อนหน้านี้

       พอวันที่ไปวัดตัวลองชุด ชุดมีเท่าเดิมเหมือนวันแรกที่ไปคุย ไม่ได้มีชุดเพิ่มมาเลยซึ่งตอนนั้นแฟนผมเริ่มไม่โอเคแล้ว แฟนผมอยากถ่ายชุดไทยศิวาลัย คือชุดไทยแขนยาว หวานๆ เหมือนชุดวันจริงที่รอตัดอยู่แต่ที่สตูไม่มีแบบนี้เลย ซึ่งชุดที่มีทั้งหมดแฟนผมไม่ชอบเลยซักชุดเดียว แต่ก็จำใจต้องลองใส่ ผมก็พยายามพูดชมพูดให้แฟนรู้สึกโอเคเพราะไม่อยากให้มีปัญหา ไหนๆเราก็จ่ายเงินมัดจำไปแล้ว ส่วนเรื่องชุดของผู้ชายน้อยมากๆ มีแต่ชุดเก่าๆ บางชุดมีรอยขาด ผมเลยตกลงว่าจะใส่สูทสีแดงกับโจงกะเบนแทนเสื้อผ้าไหมไทย กลายเป็นว่าผมใส่ชุดเดียวคือสูทสีแดงถ่ายพรีเวดดิ้ง 2 ชุด ตอนถ่ายแค่เปลี่ยนกางเกงเท่านั้น และใส่ชุดนี้งานจริงด้วย เท่ากับว่าชุดผมก็ใช้น้อยลงไปอีกในราคาเท่าเดิม แต่ผมก็พยายามไม่ได้คิดมากปล่อยผ่านไป

       หลังจากนั้นก็นัดวันถ่ายกัน แทนที่ทางสตูแม่งจะหาวันถ่ายที่บ่าวสาวสะดวก แต่กลายเป็นว่าเรา 2 คนต้องหาวันว่างให้ตรงกับช่างแต่งหน้ามือาชีพของมันแทน … เราก็เอาวะ แต่งงานครั้งเดียวในชีวิต อยากให้เจ้าสาวได้รูปสวยๆ แต่งหน้าสวยๆ เลยต้องยอมหาวันให้ตรงกับช่างแต่งหน้า … จนวันถ่ายพรีเวดดิ้ง ผมเจอช่างแต่งหน้าตอนจอดรถ ผมเริ่มรู้สึกไม่ใช่แล้วว่าคนนี้คือช่างแต่งหน้าดาราอย่างที่แม่งคุยไว้จริงๆ เหรอ ผมถามตากล้อง พี่เค้ายังงงเลยเพราะเค้าไม่เคยเจอ


advertisement


advertisement

       ตอนก่อนแต่งหน้า เจ้าของมันให้แฟนผมบอกช่างแต่งหน้าเลยว่าอยากได้หน้าแบบไหน ผมแบบไหน แฟนผมเปิดรูปให้ดู อยากได้เบาๆ ซอฟๆ หวานๆ ชมพูๆ แต่ที่ช่างแต่งมามันคนละแนวคนละแบบกับที่ต้องการเลย ทั้งเข้ม ทั้งดุ โทนส้มๆมืดๆ

       ตอนแฟนแต่งหน้าเสร็จผมเห็นแล้วยังไม่โอเคเลย ลองคิดดูว่าแฟนผมจะรู้สึกยังไง?! แฟนผมพอเห็นหน้าตัวเองแล้วยังพูดใส่ช่างแต่งหน้าไปเลยว่า "พี่ … เหมือนจ๊ะ คันหูเลย" ตอนไปเปลี่ยนชุดแฟนผมบอกกับเมียเจ้าของว่าช่างแต่งหน้าไม่โอเค สิ่งที่นางตอบกลับมาคือ "ไม่โอเคตรงไหน ยังไงคะ" แฟนผมบอกไปว่าทั้งดุทั้งเข้มไม่ตรงกับที่ต้องการ แต่ก็ไม่ได้มีการแก้ไขหรือไปคุยกับช่างให้เรา เอาลงไปถ่ายสภาพหน้าแบบนั้นเลย

       น้องและเพื่อนที่ผมชวนไปก็ไม่มีใครโอเคซักคนทั้งเรื่องหน้าผมและชุดที่ใส่ ชวนน้องๆผู้หญิงไปช่วยดูเรื่องแต่งหน้าแต่งตัว ซึ่งน้องไม่โอเคกับการแต่งหน้าของช่างมากๆ ตอนแรกน้องอยากจะช่วยกันแต่งให้เองแต่ก็ไม่รู้จะพูดกับช่างยังไงดี เพราะพูดไปมีปัญหาแน่นอน พวกเราคุยกันว่าจะไม่ถ่ายยกเลิกทั้งหมด แต่ผมเกรงใจพี่ตากล้อง พี่ตากล้องโอเคมากๆ ผมเลยพยายามควบคุมสถานการณ์แล้วถ่ายให้มันเสร็จๆไป

       เรื่องทรงผมของผมอีกเรื่อง ผมบอกช่างไปว่าปกติเซตผมแบบไหน ชุดไทยอยากได้ทรงแบบนี้ ชุดเจ้าบ่าวอยากได้ทรงแบบนี้ แต่ช่างไม่ทำแบบที่บอกที่ต้องการเลยซักนิด ที่ช่างทำให้คือทรงอะไรไม่รู้ตามใจช่าง แล้วไม่เปลี่ยนทรงผมให้ด้วย ผมถ่ายผมทรงเดิม 2 ชุด จนผมก็เริ่มรู้สึกไม่โอเคแล้ว เลยบอกช่างไปว่าชุดที่ 3 ไม่ต้องเซตผมให้แล้วนะเดี๋ยวผมใส่หมวกเอา ชุดที่ 4 ผมแกะผมที่ช่างทำออกแล้วมัดผมเอา

       ตอนจบแฟนผมไปบอกเจ้าของสตูกับเมียว่าช่างแต่งหน้าไม่โอเคมากๆ สิ่งที่มันตอบเรามาคือ "พี่ขอโทษ ความจริงไม่ใช่ช่างคนนี้ ช่างอีกคนที่บอกเค้าป่วยเข้าผ่าตัดกระทันหัน พี่เพิ่งรู้เมื่อเช้า เลยเอาคนนี้มาแทน" เหี้ยยย!!! แบบนี้ก็ได้เหรอวะ?! เรา 2 คนพยายามหาวันว่างให้ตรงกับช่างแต่งหน้า แต่มาเจอแบบนี้คืออะไร?! ช่างแม่งไส้ติ่งแตกหรืออะไรถึงต้องผ่าด่วนขนาดนั้น?!

       ซึ่งหลังจากถ่ายเสร็จแฟนผมดูรูปจากโทรศัพท์เพื่อนและของตัวเองแล้วเครียดมาก รู้สึกไม่โอเคกับการแต่งหน้าและทรงผมเลย แฟนผมถึงกับร้องไห้ แล้วพอเอาไปเทียบกับเพื่อนอีกคนที่เพิ่งไปถ่ายพรีเวดดิ้งมาเหมือนกัน ของเพื่อนโอเคกว่าทุกอย่างทั้งการแต่งหน้าและชุดทั้งหมด โดยที่ของเพื่อนได้ทุกอย่างเหมือนกัน แต่ราคาถูกกว่าของเราครึ่งนึง … เรายอมจ่ายแพงกว่า เจ้าของแม่งคุยไว้เยอะ เราก็คาดหวังไว้สูงมากว่างานมันจะ perfect แต่กลายเป็นว่ามันเทียบกับงานที่ราคาถูกกว่าไม่ได้เลย

       หลังจากถ่ายพรีเวดดิ้งมา แฟนผมเครียดมากนอนไม่หลับอยู่หลายวัน รู้สึกแย่เพราะเราจ่ายเงินไปทั้งหมด 4 หมื่นบาท แต่สิ่งได้คือชุดก็ไม่ใช่แบบที่ต้องการ แต่งหน้าก็เหี้ย ผมเห็นแฟนเป็นแบบนี้ก็ไม่สบายใจ คือผมอ่ะถ่ายมายังไงแม่งก็ทุเรศเหมือนเดิม แต่แฟนผมสิ ครั้งเดียวในชีวิตนะ…. ผมเลยบอกให้แฟนเข้าไปบอกในกลุ่ม line ที่คุยกับทางสตู คำตอบที่ได้คือไม่โอเคตรงไหนครับ แถมบอกว่ารูปที่ส่งไปให้มันดูใช้กล้องอะไรถ่าย ให้รอดูรูปจากตากล้องก่อน

       คือ…มันไม่ได้อยู่ที่กล้องหรือการแต่งรูป มันอยู่ที่การแต่งหน้าครับ แต่งหน้ามาไม่ใช่แบบที่ต้องการ ต่อให้ตากล้องแม่งใช้เลนส์โครตเทพ หรือจะให้แต่งรูปเก่งยังไง มันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ครับ เหมือนผมต้องการรถฮอนด้า แต่เอาคูโบต้ามาให้ ให้ใครมองมันก็คือคูโบต้า ให้เอาไปแต่งยังไงมันก็คือคูโบต้าอยู่ดี ซึ่งรูปแต่งออกมาคนอื่นอาจจะบอกว่าดี โอเค ไม่เห็นไม่ดีตรงไหนเลย… แต่เราคือคนจ่ายเงินเรารู้สึกว่าเราไม่ได้ในสิ่งที่เราต้องการตามที่คุยไว้ครับ

       สรุปเจ้าของแม่งจะรับผิดชอบโดยให้เราไปถ่ายแก้ไขใหม่ ซึ่งเราเสียความรู้สึกไปแล้ว และก็ไม่อยากต้องไปลุ้นกับฝีมือช่างแต่งหน้าราคาคุยอีก … ต้องบอกก่อนว่า Package นี้ ราคา 35,000 บาท มีจ่ายเพิ่มค่าทำกรอบรูป ทำรูปติดหน้างาน ทำ photo book 5,700 บาท รวมเป็น 40,700 บาท เราตัดสินใจกันว่าเราขอเงินคืน 2 หมื่นบาท กับ file รูปทั้งหมดที่ถ่ายไปวันนั้น เราไม่เอาอะไรเลย ทั้งชุดวันจริงและทุกอย่างคำตอบที่เราได้คือ … (copy จากใน line ที่มันพิมพ์มา)

       "คือยังงี้นะค่ะ ทางเราสรุปทุกอย่างไปหมดแล้ว ชุดสั่งตัด ค่าใช่จ่ายทุกอย่าง ทางเราจัดการจ่ายไปแล้ว ทางลูกค้าบอกยกเลิกทางเราช้าไป ทางเราไม่ใด้ผิดสัญญาแต่อย่างใด คุณไม่ชอบแต่งหน้า ทางเราก็จะถ่ายซ่อมให้ เรื่องชุดคุฯก็เลือกเองสรุปกันแล้ว คุณจะยกเลิก คือมันช้าไปนะค่ะ ทางเราก็เสียหายตค้ะ"

       มึงเสียหายตรงไหนครับ?! ชุดสั่งตัดมึงก็เอาไว้ให้คนอื่นเช่าต่อได้ ชุดถ่ายพรีเวดดิ้งที่กูต้องเลือกต้องสรุปเพราะมึงมีชุดให้กูแค่นั้น กูจำใจต้องเอาครับ กูนี่ครับเสียหาย เสียเงิน 40,700 บาท ไม่ได้เหี้ยอะไรเลยครับ เสียเงิน เสียเวลา เสียสุขภาพจิต

       สรุปแล้วมันยอมคืนแค่ค่ากรอบรูปกับ photo book ที่มันยังไม่ทำให้เป็นเงิน 5,700 บาท เท่านั้น!! สตูนี้ชื่อแปลไทยคือม้า (Horse Studio) … โลก social สมัยนี้มันไว จะเอาเงินแค่นี้แลกกับชื่อเสียงสตูก็ลองดูครับ!!! ดูเรื่องราวเพิ่มเติมที่แชทคุยทาง line ได้ใน comment ครับ


advertisement

ความคิดเห็นจากชาวเน็ต 

แย่มาก 


advertisement
น่าโมโหจริงๆ 

       เจอแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องโมโหเหมือนกัน ครั้งหนึ่งในชีวิตถ่ายทั้งทีไม่ได้ดีๆ อย่างที่อย่างได้ กลายเป็นประเด็นในโลกโซเชียลกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันเลยทีเดียว ดูไว้เป็นอุทาหรณ์ 

เรียบเรียงโดย : thaihitz.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก Netty Dogdaddy


advertisement