advertisement

แชร์ประสบการณ์ น้ำหนักขึ้น 30 กก. ภายใน 3 ปี ใช้เวลา 6 เดือน ลดไป 20 กก.


advertisement

        เรื่องน้ำหนักกับผู้หญิงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เลยทีเดียว เป็นเรื่องที่ทำให้หลายคนเคลียด คิดหนัก อต่หลายคนก็ยังหยุดเรื่องกินของตัวเองไม่ได้ รู้ตัวอีกทีอ้วนไปแล้ว อย่างสาวสมาชิกพันทิป Udeki ได้แชร์ประสบการณ์น้ำหนักขึ้น 30 กิโลกรัมภายในเวลา 3 ปี และใช้เวลา 6 เดือนในการลดน้ำหนัก 20 กิโลกรัมโดย IF และ LC ผลที่ได้ออกได้อย่างคาดไม่ถึง โดยเธอได้โพสต์ระบุว่า….

         ก่อนอื่นเลยพึ่งจะเคยตั้งกระทู้จริงๆจังๆเป็นครั้งแรก หากผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยนะคะ 

         เรามาเข้าเรื่องกันเลย  เริ่มจากช่วงนี้มีคนทักบ่อยๆว่าไปทำอะไรมา ทำไมผอมลงผิดหูผิดตา มีเคล็ดลับอะไรรึป่าว กินยาตัวไหนแนะนำบ้างสิ พี่/น้องจะได้ไปซื้อตาม

         ในทุกๆครั้งเราจะตอบกลับไปว่าทำ IF ค่ะ ทุกคนก็จะทำหน้างง? IF คืออะไร อธิบายให้ฟังหน่อยสิ นานๆเข้าพอมันเริ่มเยอะคน เราก็เริ่มขี้เกียจตอบ เพี้ยนขำหนักมาก เลยตั้งใจจะมารีวิวในนี้ แล้วแชร์หน้าเฟสบุ๊คไปเล้ย..ก่อนอื่นเราจะเปิดกระทู้ด้วย รูปสยองของเราเองใครขวัญอ่อนข้ามไปได้เลยนะคะ (เตือนแล้วนะ)

         เป็นยังไงบ้างคะ ความพีคของรูป เต็ม 10 ให้ 11 ไปเลย…

         ท้าวความก่อนว่า..เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว พยูนกินไอติมนั่งเก้าอี้นวดตัวนั้นยังไม่คลอดออกมานะคะ เนื่องจาก “เราเคยเป็นคนผอมมาก่อน” ใช่ค่ะเราผอมมาก่อน น้ำหนักตอนที่ผอมที่สุดคือ 49 ส่วนสูง 172 ค่ะ ปล.ไม่แนบรูปนะคะ มันสะเทือนใจ…

         จุดเปลี่ยนของชีวิตเรามันเริ่มมากจาก ชีวิตวัยทำงานค่ะ !!! เราเรียนจบและหางานทำ ได้งานอยู่นิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในจังหวัดฉะเชิงเทรา แรกเข้าไปเป็นน้องใหม่ในบริษัท พี่ๆเทคแคร์ดีมากเวอร์วังอลังการณ์ ไปเที่ยวกลับมามีของฝากเป็นขนมนมเนยตลอด… คนไทย คนญี่ปุ่น เวลาไปไหนมักจะติดขนมมาแจก ของฟรีมีหรือจะไม่เอา กินแหลกยัดแหลก แบรกแตกมากค่าาาาา


advertisement

         ยังไม่พอ… ปีแรกได้พบรักค่ะ พบรักกับสายแ-ก…กินบุฟเฟ่ต์กันอาทิตย์ละไม่ต่ำกว่า 3 วัน (เรื่องจริงไม่ขี้โม้ อยากให้เพื่อน/คนรู้จักมายืนยันนอนยันมาก) ผ่านไป 1 ปี น้ำหนักจาก 53 ขึ้นมาเป็น 64 โอ้มายก็อตตต  แนบรูปผลประกอบการค่ะ


advertisement

         ยืนส่องกระจก ยังไม่รุ้สึกอะไร ยังได้อยู่ดูมีน้ำมีนวล  ไม่อ้วนน่า… ประจวบเหมาะกับยังไม่ได้กลับบ้าน ยังไม่มีญาติพี่น้องเห็นความเปลี่ยนแปลง  ถามพี่ที่ทำงาน “หนูอ้วนยังพี่” มักจะได้ยินคำตอบกลับมาว่า “ยังๆ กำลังดี พี่ว่าตอนเข้ามาใหม่ๆ เราผอมไป” ในใจเราก็โอเค๊… -ต่อ อย่าหยุดจนกว่าจะล้มละลายยยย (วงวานสาย-เข้าแล้วออกยากนะบอกเลย)
อ่ะแนบรูปทำงานปีแรก

         ผ่านไปปีที่ 2 

         เริ่มรู้สึกอึดอัด เสื้อผ้าเริ่มใส่ไม่ได้ ชุดทำงานเริ่มคับ  พอดีได้ตัดชุดใหม่สิ้นปี เลยเผื่อไซส์ไป +1 พอได้ชุดมาใส่พอดีเลยจ้าาาาาาาา (ยังๆๆ ไม่รู้ตัวอีกว่าอ้วน) ลักษณะการใช้ชีวิตยังเหมือนเดิม กลางวันทำงาน กลางคืนบุฟเฟ่ต์ ใครอยากกินบุฟเฟ่ต์คิดไม่ออกร้านไหน เดินมาถามเราได้จ้าาาาา  ร้านไหนมีโปร รู้หมดจ้าาาาา  หออยู่สมุทรปราการ นั่งรถเข้าเมืองไปเยาวราชก็ไปมาแล้วจ้าาาาาา ตอนนี้ นน.เราคงตัวอยู่ที่ 73+/-3 กก. ..เอาล่ะ ปีที่ 2 มาดูความเปลี่ยนแปลงกัน 


advertisement

         พุงนางมาทักทายแล้วนะจ๊ะ แต่เธอไม่รู้บ้างเลย อ่ะรูปผลประกอบการปีที่ 2

         จุดพีคมากนั้นอยู่ที่ปีที่ 3 เราต้องกลับบ้านแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ มีไหว้เชงเม้ง / งานศพอากง ต้องกลับ ยังไงก็ต้องกลับ… เราก็เลย อ่ะๆกลับก็ได้…

         ประโยคแรกที่แม่ทักเราก็คือ “ไปทำอะไรมา อ้วนมาก น่าเกลียดแม่รับไม่ได้ (แล้วก็เรียกน้องๆเราอีก 3 คนมาดู) ก้นบานกว่าโอ่งอีก” หลังจากนั้นแม่บอกไม่ให้กินข้าวเย็น (รู้สึกแย่มากแอบร้องไห้ในห้องน้ำ ยืนแปรงฟันหน้ากระจก แล้วก็ยืนร้องไห้ เฮ้ยเราปล่อยตัวให้อ้วนขนาดนี้ได้ยังไง ทำไมไม่มีใครเตือน!!!)  

         ปล.จริงๆก็มี แต่เราหลอกตัวเองว่าเราแค่อวบ เรายังไม่อ้วน 

         เพลงมา… พอเถอะพอได้แล้ว หยุดหลอกตัวเองซักที

         แล้วที่พีคในพีคกว่านั้นคือ..เราไปงานศพอากง เรามองเห็นคุณยายเดินมาแต่ไกลลิบๆแล้วด้วยความที่เราคิดถึงคุณยายมาก เราเลยวิ่งเข้าไปกอด… หมับ!!! 

         คุณยายหันมามองหน้าเรางงๆ แล้วพูดเบาๆกับเราว่า “เอ่อ… ขอโทษนะคะ แม่นผู้ได๋หนิ” (ใส่สำเนียงขอนแก่นเข้าไปจะได้ฟิลมา) คือคุณยายจำเราไม่ได้ไปเลยจ้าาาาาาา เราถึงกับอึ้งเลย แล้วเราก็ได้ยินเสียงแม่เราหัวเราะดังมาก (จังหว นั้นคืออายมาก ญาติเต็มไปหมด) คุณยายก็ทำหน้างงๆประมาณว่าใครอ่ะไม่รู้จักกันทำไมมากอด แม่ก็เลยอธิบายให้ยายฟังว่าเราเอง เราไง เราเองนะ ไรงี้… คุณยายเลย อ๋อๆๆ แล้วก็พูดว่า “กรุงเทพของกินคงอร่อย ดูสิอวบอ้วนเชียว” แล้วก็ยิ้มๆ แต่น้ำตาเราอ่ะคลอเบ้าแล้ว อยากกลับบ้าน…

         ในงานศพอากง ญาติๆ ทุกคนทักเราหมดเลย ว่าอ้วนมาก ไม่ได้นะต้องลดนะ บางคนถึงขนาดกับ จูงแขนเรามานั่งปรับทัศนคติการกินเลย เราก็อ่ะๆ เดี๋ยวลดค่ะๆๆๆ แต่พอกลับไปทำงานก็กินเหมือนเดิม (บอกแล้วว่าสายแ-กเข้าแล้วออกยาก)

         จนในที่สุด เดือนตุลาคมของทุกปี จะมีการตรวจสุขภาพประจำปี… ผลปรากฏว่า แท่แด้นนนนนน


advertisement

         ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ… มันมาแล้วจ้าเลข 8 80 ครั้งแรกในชีวิต พร้อมกับตรวจพบ น้ำตาลในปัสสาวะ ซึ้งในนั้นเขียนว่าให้เราไปเช็คซ้ำโรคเบาหวานอีกรอบ…อารมณ์ตอนนั้นคือ น้ำตามาแล้ว แต่ไม่กล้าบอกใคร ไม่นะ เรายังไม่อยากเป็นเบาหวาน

         จุดเปลี่ยนนี้ทำให้เราเริ่มหาวิธีลดความอ้วน โดนในตอนแรกเราเริ่มจาก การกินคลีนและนับแคลลอรี่ … ทำได้อยู่ 2 เดือน ตะบะแตก กลับมาฟาดยับแค่อาทิตย์เดียว น้ำหนัก สวิงขึ้นมาเป็น 86…  เราเครียดมากเรื่องราวในชีวิตมันถาโถมมม

         บังเอิญเรามีพี่หมอคนนึงเป็นเพื่อน เค้าแนะนำว่าลอง IF มั้ย เราก็ถามพี่เค้าว่า มันคืออะไร ทำยังไง ยากมั้ย เรากินเก่งมันจะทำได้จริงเหรอ???

         พี่เค้าเลยแนะนำ เพจๆนึงให้เราเข้าไปติดตาม อ่านรายละเอียดการทำ IF หรืออีกชื่อนึงคือ intermittent fasting ร่วมกับการ LC หรือที่เรียกว่า Low carb (การกินคาร์โบไฮเดรตน้อยๆ เน้นที่โปรตีนกับไขมันเป็นหลัก แต่ไม่เคร่งครัดเท่าการกินแบบคีโต)

         เราก็เข้าไปอ่าน ช่วงเดือนตุลาคม และเริ่มทำอย่างจริงจัง ช่วงเดือน พฤศจิกายน เรา IF แบบ 18/6 คือเริ่มกินตอนบ่ายสาม หยุดกินตอนสามทุ่ม 

         การทำ IF ของเราต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งมาก ในช่วงแรกที่ทำ จะมีเสียงแซะ เสียงแซว เสียงของความเป็นห่วงตลอด ดังเช่น 

      “ไม่กินข้าวเช้าเดี๋ยวก็สมองเสื่อม”

      “อดอาหารเดี๋ยวก็โยโย่”

      “ไม่กินแป้งเดี๋ยวก็ไม่มีแรง”

      “กินหมูสามชั้น จะลดความอ้วนได้ยังไง”

      “ไหนบอกลดความอ้วน แล้วทำไมกินแคปหมู”

      ในใจเราคือ เรานับแคลไว้แล้ว วันนี้เรากินได้เท่านี้ถ้าเรากินสามชั้น เรากินได้กี่ชิ้น น้ำจิ้มตีว่ามีคาร์บแฝงเท่าไหร่ ในช่วงเดือนแรกของการลดนน. เริ่มเห็นผลน้ำหนักเราลงไป 5-6 กิโลกรัม แต่เราเริ่มเครียดเพราะในเดือนที่ 2 น้ำหนักเราลงแค่ 2-3 กิโลกรัม

      เราเลยเริ่มมี Cheat day อาทิตย์ละครั้งให้ร่างกายพักผ่อน ได้รับคาร์บบ้าง น้ำตาลบ้าง…โค้กซักกระป๋อง เค้กซักชิ้น ช็อกโกแลตหวานๆซักแท่งแต่ทุกอย่างอยู่ในพื้นฐานของการนับแคลลอรี่ประกอบคู่กันไปด้วยนะคะ

      ตอนนี้เรา IF มาได้ 6 เดือนแล้วค่ะ ปัจจุบัน เราหนัก 64 กิโลกรัม น้ำหนักลงมาได้ 20 กว่าโล แต่เราจะตีว่า 20 โลแล้วกัน +/- น้ำในร่างกายแชร์ผลของความพยายามค่ะ 

      ปล.เรายังไม่ผอมนะคะ แต่เรามีความมั่นใจในการแต่งตัวมากขึ้น พุงเราก็ยังมีอยู่ 555 

      กำลังหาแรงบันดาลใจให้ลดอีก 10 โลอยู่ค่ะ ใครมีมื้ออาหารน่ากินๆ แชร์ได้นะคะ

      สุดท้ายอยากฝากให้ทุกคนดูแลสุขภาพ  กินเยอะๆก็กินได้ หมั่นตรวจสุขภาพประจำปี  อย่าปล่อยตัวให้อ้วนมากเกินพอดีนะคะ อวบๆกำลังน่ารักเลย พิมมาขนาดนี้ปวดมือมากๆ ฝากกระทู้ไว้ด้วยค่ะ  ขอบคุณค่าาาาาา 


      เพิ่มเนื้อหาในส่วนของการ IF และ LC ค่ะ เราไม่เป๊ะนะคะ เป็นสายฟรีสไตล์ อย่าด่าเราเลย


      แถมรูปย้ำความพีค ความอ้วนมันน่ากลัว…

        ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้นจริงๆ จากอวบๆ อ้วนๆ กลับมาเป็นสาวสวย น่ารัก ขาวโดนใจหนุ่มๆ มากๆ นี่แหละเพราะอ้วนมันน่ากลัว สวยๆ ต้องดูแล ควบคุมน้ำหนักกันด้วยนะครับ อย่ากินตามใจปากเกินไปนะ 

เรียบเรียงโดย : thaihitz.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก Udeki


advertisement