advertisement

แบ่งปันเทคนิคเพิ่มรายได้ของมนุษย์เงินเดือน ง่ายๆแต่ได้ผล


advertisement

       คงเป็นปัญหาที่มนุษย์เงินเดือนหลายคนเคยเจอ สำหรับปัญหาเงินเดือนที่ใช้จ่ายได้ไม่ครบเดือน พอถึงกลางเดือนทีไรเงินก็เริ่มร่อยหรอ ชักหน้าไม่ถึงหลัง กว่าจะถึงสิ้นเดือนก็ต้องคาดเข็มขัดกันจนแน่น ซึ่งปัญหาเหล่านี้ก็อาจเกิดจากการบริหารจัดการเงินเดือนที่ไม่ดีพอ

       วันนี้เราก็จะพาไปดู ทริคง่ายๆจากสมาชิกพันทิปหมายเลข 2402541 ที่ได้ออกมาเผย 8 วิธี ที่จะช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่มนุษย์เงินเดือน บริหารจัดการเงินให้พอใช้และเหลือเก็บ ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆใกล้ตัวแต่ได้ผลอย่างแน่นอน

       สวัสดีครับเพื่อนๆ พันทิป พอได้ยินคำว่า ‘เพิ่มรายได้’ จากหัวกระทู้แบบนี้ เชื่อว่าหลายคนคงรีบกดเข้ามาอ่านเทคนิคของผมกันเลยใช่มั้ย ว่าผมจะแนะนำให้ขายอะไร หรือหาอาชีพเสริมอย่างไร, แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าคุณคิดว่าผมจะมาแนะนำอะไรแบบนี้ กระทู้นี้ไม่ใช่กระทู้เป้าหมายที่คุณควรจะอ่านแล้วล่ะครับ

       เพราะการเพิ่มรายได้สำหรับผม ที่กำลังจะนิยามและแชร์เทคนิคในกระทู้นี้ คือการลดรายจ่ายด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินทั้งหลายในท้องตลาด, ลดรายจ่ายด้วย Application ที่เป็น Start Up ที่น่าสนใจ, หรือลดรายจ่ายด้วย Line และการสมัคร Member ต่างๆ ต่างหาก มาดูกันว่าสำหรับผมซึ่งก็เป็นมนุษย์เงินเดือนหัวฟูประจำกทม. เหมือนๆ กับคุณทั้งหลายแล้ว ผมลดรายจ่ายด้วยเทคนิคอะไรกันบ้าง ไล่เรียงตามข้อกันมาเลยครับ
 
       ปล. ผมไม่ได้สปอนเซอร์รีวิว และไม่มีแบรนด์ไหนจ้างผมเขียน ทุกผลิตภัณฑ์ในกระทู้นี้ รีวิวจากชีวิตประจำวันของผมเองล้วนๆ ครับ
 
       1. ค่าใช้จ่ายพื้นฐาน ที่เรียกเก็บรายเดือนเป็นประจำทุกเดือน ตัดจ่ายผ่านบัตรเครดิตให้หมด

       ข้อแรก ง่ายสุดๆ ครับ คือ ค่าน้ำ ค่าไฟที่เรียกเก็บมาทุกเดือน อย่าพลาดไปจ่ายที่ Counter Service ที่ 7-11 หรือหักจ่ายผ่านบัญชีออมทรัพย์ธรรมดาๆ เด็ดขาดเลยครับ เพราะคุณจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ทุกวันนี้ ผมตัดบัตรเครดิตประเภทได้เงินคืนตลอด เพราะนอกจากจะชำระเงินได้ปกติเหมือนกันแล้ว ผมยังได้เงินคืน 1 % ทุกเดือนจากค่าน้ำค่าไฟ แถมยังเป็นการสะสมยอดใช้จ่ายขั้นต่ำต่อปี เพื่อให้เวฟค่าธรรมเนียมได้อัตโนมัติด้วย (คุณจะใช้แบบมีคะแนนสะสมก็ได้ครับ หรือเลือกบัตรเครดิตของธนาคารอะไรก็ได้ แต่ตอนนี้ถ้าเป็นค่าน้ำค่าไฟ ผมเลือกตัดผ่าน บัตรเครดิต Thanachart Max เพราะได้เงินคืนง่าย แถมบัตรมี Lounge ให้เข้าที่สนามบืนปีละครั้งด้วย คุ้มมากครับ)

       นอกเหนือจากค่าน้ำ ค่าไฟแล้ว พวกค่าอินเตอร์เน็ท ค่าโทรศัพท์มือถือรายเดือน พยายามผูกจ่ายประจำกับบัตรเครดิต ให้เรียกเก็บอัตโนมัติให้หมดเลยนะครับ เพราะจะได้เงินคืนอีก 3 % จากที่เรียกเก็บด้วย (ถ้าไม่เชื่อลองโทรสอบถาม AIS, True, TOT หรือ 3 Broadband ดูสิครับ ว่าถ้าผูกบัตรเครดิตตัดเงินอัตโนมัติ ท่านจะได้สิทธิประโยชน์อะไรเพิ่ม) นี่ก็ช่วยประหยัดลงไปได้เยอะมากแล้วครับ

       2. ชำระค่าบัตรเครดิต ผ่าน Rabbit Line Pay


advertisement

       ข้อต่อมา ก็เป็นผลสืบเนื่องจากข้อแรกครับ เพราะเรามีบัตรเครดิตที่ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ก็ต้องมีการเรียกเก็บสิ่งที่เรารูดไปในแต่ละเดือนตามมาอยู่แล้ว บางคนก็จ่ายคืนผ่าน Application ของธนาคารไปเลย คือ Log In เข้า e Banking แล้วก็จ่ายเงิน ซึ่งก็ทำได้ เพราะไม่มีค่าธรรมเนียม แต่จะดียิ่งกว่าถ้าคุณเลือกตัดจ่ายผ่าน Rabbit Line Pay ครับ เพราะนอกจากจะชำระได้โดยไม่มีค่าธรรมเนียมแทบจะทุกธนาคารแล้ว คุณยังได้รับคะแนนสะสม 5 คะแนน ทุกการชำระด้วย ซึ่งสุดท้ายเมื่อมีคะแนนเยอะๆ จะเอาไปทำอะไรล่ะ … ก็เอาไปแลกเงินคืน รีเทิร์นกลับเข้ากระเป๋าตังค์เรานี่แหละครับ ดีสองเด้งจริงๆ
 
       3. เดินทางด้วยรถไฟฟ้าอย่าให้พลาด บัตร Citi Cash Back

       ทุกวันนี้ผมเดินทางไปทำงานด้วยรถ MRT ครับ ปกติค่ารถไฟฟ้าต่อเดือนของผมเฉลี่ยเดือนละ 1000 บาท ซึ่งการมาของ Citi Cash Back นี่ช่วยชีวิตผมเยอะมาก เพราะผมประหยัดค่ารถไฟฟ้าไป 110 บาทต่อเดือนเลยทีเดียว เพราะถ้าใช้บัตรนี้ ทั้ง BTS MRT ได้เงินคืน 11 % ทั้งหมดครับ เพราะฉะนั้นอย่าได้ใช้เงินสดในการเติมเงิน หรือเติมเที่ยวที่รถไฟฟ้าเด็ดขาด ไม่คุ้มครับ ใช้บัตรเครดิตตัวเทพนี่ใบเดียว เซฟค่ารถอัตโนมัติทันที นอกเหนือไปจากนั้น ผมยังมี Combo ของ MRT ที่ใช้คู่กับ AIS ด้วยครับ เพราะถ้าเติมเงินMRT วันศุกร์ จะได้ส่วนลด 30 บาท เพราะฉะนั้นผมจึงเลือกเติมเงิน MRT ในวันศุกร์ โดยใช้สิทธิ AIS ลดไป 30 บาท และใช้ Citi Cash Back ได้เงินคืนอีก 11 % ครับ รวมๆ แล้วเติมเงิน 1,000 บาท จ่ายจริง 860 เองนะ คุ้มมากป.ล. บัตร Citi Cash Back นี่เอาไปซื้อกาแฟ Amazon ก็ลด 11 % ด้วยนะครับ คือเป็นบัตรที่ควรพกติดกระเป๋ามากๆ อะ คืนเงินโหดจริง ผมชอบเป็นการส่วนตัวครับ


advertisement

       4. ใช้บริการ Grab, Get, LineMan หรือ Food Panda

       ตัวนี้น่าจะง่าย และเป็นสิ่งที่ทุกคนใช้อยู่บ้างแล้ว แต่ผมจะมาขอเสริมให้นะครับ ว่าถ้าใช้บริการร้านค้าพวกนี้ อย่าพลาพวก Coupon หรือ Promotion แต่ละวันนะครับ เพราะแจกกันเยอะแยะมาก พยายามสลับ App เปรียบเทียบราคาไปเรื่อยๆ ครับ App ไหนลดสูงกว่า ก็สั่งอาหารจาก App นั้น บางทีผมได้กินอาหารร้านดีๆ ในราคาที่ถูกกว่าไปทานที่ร้าน 30 % ไปเลย เซฟไปได้เยอะครับนอกเหนือจากพวก Code ส่วนลดแล้ว ผมแนะนำว่าให้พยายามผูกบัญชี e Wallet ของ App พวกนี้ไว้นะครับ เช่น เดือนที่แล้วผมผูกบัญชี K Bank กับ Grab Wallet ได้เงินฟรีๆ กินเปล่ามาตั้ง 200 บาท พอผูกบัญชีแล้วใช้ Wallet จนหมด ก็กลับไปจ่ายด้วยบัตรเครดิตเอา points ตามเดิมอยู่ดีครับ เพียงแต่แนะนำว่าถ้ามีของรางวัลสำหรับการแรกเข้า ก็ผูกๆ ไปเถอะครับ พวก personal data เรา จะเอาอะไรก็เอาไปเลย เรามันแค่มนุษย์เงินเดือนนนน

       5. อย่าพลาดสมัครสมาชิกห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ และ Add Line Official Account เอาไว้ด้วย

       หลายคนเลือกจะละเลยตรงนี้ แต่ผมบอกเลยว่าคุณพลาดมาก เพราะทุกวันนี้ มี Deal ส่วนลดดีๆ ส่งมาเป็น e Coupon เยอะแยะมากมาย ผมเลือก Add Line ของ Tops, Big C, Tesco Lotus, Mcdonald, SB Design Square, A&W, Coke และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ทยอยส่ง Coupon ส่วนลดนการซื้อสินค้า หรือสินค้าโปรโมชั่นประจำสัปดาห์มาให้เราได้รู้ อะไรจะซื้ออยู่แล้วก็จะได้รู้ว่าควรซื้อตอนไหน อะไรไม่ซื้อก็แค่ปล่อยผ่าน ถ้ารำคาญก็แค่ปิด Notification ง่ายๆ แค่นี้เองครับ

       นอกเหนือจาก Line Account ต่างๆ แล้ว อีกฟังก์ชั่นที่ผมชอบมากๆ ก็คือ Line Gift Shop เพราะชอบมีร้านอาหารเอาเมนูใหม่ๆ ราคาคุ้มๆ มาขายเป็นคูปองที่นี่ ผมเคยได้ทาน Bonchon 6 ชิ้น + Bonchon Fried + น้ำ ในราคาเพียง 199 บาท จากใน Line Gift Shop นี้ เรียกว่าราคาลงไปเกือบ 50 % ของราคาปกติ หรือขนมอร่อยๆ อย่าง Hokkaido Baked Cheese Tart ก็เคยขายในนี้เพียงราคาชิ้นละ 29 บาท จากราคาปกติ 65 บาท เรียกง่ายๆ ว่านี่คือแหล่งขุมทรัพย์ที่ต้องคอยติดตามการอัพเดตให้ดีเลยครับ

       ส่วนสมาชิกห้างสรรพสินค้า และร้านค้าต่างๆ ที่ไหนสมัครฟรี ผมบอกเลยว่าเก็บให้ครบครับ มันสามารถ collaborate แลก Point ไขว้กันได้เยอะมากเลย แถมเป็นสมาชิกชอบมีส่วนลดพิเศษมากกว่าปกติด้วย ยกตัวอย่างที่จำเป็นๆ ที่ผมแนะนำนะครับ

       – All Member

       – M Card

       – The One Card

       – Blue Card

       – Big Card

       – Rabbit Rewards

       6. ขอย้ายค่ายเมื่ออายุสมาชิกครบ 1 ปี

       เมื่อคุณมีอายุสมาชิก ของแพคเกจรายเดือนค่ายโทรศัพท์มือถือ หรืออินเตอร์เน็ทบ้าน หรือเคเบิ้ลทีวี ครบ 1 ปีเมื่อไหร่ คุณจะกลายเป็นสมาชิกทรงคุณค่าที่สามารถขอแพคเกจ 50 % ของราคาค่าแพคเกจต่อเดือนที่คุณใช้อยู่ได้ครับ เพราะฉะนั้น อย่าไปเหนียมอาย เริ่มประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยการโทรไป Call Center และขอส่วนลดกันดื้อๆ ได้เลย (แต่ต้องแลกกับการผูกสัญญาเป็นสมาชิกกับค่ายเดิมต่ออีก 1 ปีนะครับ) ทุกวันนี้ผมจ่ายค่าแพคเกจทุกอย่าง 50 % ทั้งหมดครับ … ในกรณีที่เครือข่ายไหนไม่ยอม แน่นอนครับว่าย้ายค่ายได้เลย ยังไงก็การันตี 50 % ทั้งหมด


advertisement

       ที่สำคัญกว่านั้นคือ อย่าลืมศึกษาพวกของรางวัลประจำเดือนของแต่ละค่ายนะครับ ทั้ง AIS Serenade, DTAC Rewards, True Red & Black Card ทั้งหลาย ลองเข้า App ไปอ่านดู พวกตั๋วหนัง, ส่วนลด, ของแจกฟรี อย่าลืมเก็บให้หมดครับ บางคนเดินเข้าไปซื้อ Mcdonald โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองสามารถสั่งซื้อชุดสุดคุ้ม ได้ทั้งจาก AIS, DTAC, True ด้วยราคาที่ถูกกว่าปกติ แล้วดันไปจ่ายเงินเต็มๆ เห็นแบบนี้แล้วเสียดายครับ
 
       7. ทดลองนวัตกรรมใหม่ๆ และ Application ใหม่ๆ ในท้องตลาด

       ข้อนี้อธิบายยากหน่อย แต่เอาเป็นว่าทุกวันนี้การแข่งขันสูงครับ ใครก็อยากมี Start Up Platform ที่มี User เยอะๆ มาใช้บริการ เพราะฉะนั้นช่วงแรกๆ ของการปล่อย Application ใดๆ ออกมา ยังไงก็ต้องลด แลก แจก แถม เพื่อสร้าง Engagement และลูกค้าหน้าใหม่ เอาตัวอย่างง่ายๆ ที่ผมเห็นว่าทำได้ง่ายมาก คือ ใช้ App Shop Back ก่อนเข้าไปซื้อของใน Lazada หรือ Shopee จากแต่เดิมที่คุณได้ส่วนลดหรือเงินคืนจากบัตรเครดิตอยู่แล้ว ถ้าคุณช็อปผ่านการให้บริการของ App นี้ คุณยิ่งได้เงินคืนมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก, หรือล่าสุดมีบัญชีเงินฝากใหม่ที่ชื่อ Tomorrow ของ UOB ออกมา ซึ่งลดแลกแจกแถมแบบคุ้มมาก ผมเปิดบัญชีก็ได้เงินช็อปปิ้งที่ Tops 200 บาท แถมซื้อชานมไข่มุกของ After You ราคา 1 บาทอีก ดีงามครับ

       เหมือนเดิมที่เคยย้ำไปครับ โปรโมชั่นพวกนี้ต้องหูตาไวครับ อะไรออกมาใหม่ ถ้าอ่านเงื่อนไขแล้วใช่ อย่าปฏิเสธที่จะลอง อย่าปฏิเสธที่จะรอ เพราะมาก่อนได้ก่อน แรกเข้าแจกแหลก โควต้าเต็มคืออดนะคร้าบ
 
       8. มี Facebook ทั้งที ต้องตั้ง See First สำหรับ Page ดีๆ ที่ชอบอัพเดตของลดราคา

       พวก Page อย่าง อาแปะ, ปันโปร หรือเพจอัพเดตสินค้าลดราคาต่างๆ กดติดตามไว้เลยครับ อะไรที่เรามีแพลนจะซื้ออยู่แล้ว จะไปอยู่แล้ว ตามหาราคาคุ้มค่าที่สุดได้จาก Page พวกนี้แหละ ตามไว้ไม่มีอะไรเสียหาย ถึงเวลาโพสต์ Content มาแล้วเราเป็น Target พอดีก็เข้าทางเลย ประหยัดได้ ง่ายขึ้นเยอะครับ
 
       ทั้งหมดที่ผมจะมาแชร์แนวทางของตัวเองก็ประมาณนี้ ใครมีเทคนิคเพิ่มรายได้ต่อเดือนด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และศึกษา Marketing Promotion โดนๆ แบบผม ก็มาแชร์เพิ่มเติมได้นะครับ เผื่อมีอะไรที่ผมยังเก็บไม่หมด หรือตกหล่นตรงไหน จะได้เพิ่มแนวทางสร้างรายได้คงเหลือต่อเดือนให้มากขึ้นไปด้วยกันครับ ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ หวังว่าจะได้อะไรดีๆ กลับไปนะครับ

        แต่ละวิธีเราก็อาจจะมองข้ามและคาดไม่ถึง แต่มันก็คือวิธีที่จะช่วยเซฟตัวเราเอง และใช้สิทธิ์ที่เรามีช่วยในการเพิ่มพูนรายได้หรือลดทอนรายจ่ายของเราได้

เรียบเรียงโดย : thaihitz.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก : สมาชิกพันทิปหมายเลข 2402541


advertisement