advertisement

ไขข้อสงสัย รถพ่วง 18 ล้อ ทำไมบางครั้งยกล้อคู่หลังสุดขึ้น เพราะอะไร?


advertisement

       เป็นเรื่องที่หลายคนอาจจะสงสัย เวลาที่ขับรถอยู่บนท้องถนน แล้วสังเกตเห็นรถบรรทุกใหญ่ หรือว่ารถพ่วง 18 ล้อ ที่มีการยกล้อคู่หนึ่งด้านหลังสุดขึ้น ไม่ได้แตะพื้นวิ่งกับล้ออื่นๆ เพราะอะไร โดยล่าสุด ทางด้านสมาชิกพันทิป เหมียวตัวเล็ก ได้โพสต์สอบถามเกี่ยวกับประเด็นนี้ โดยระบุว่า… 

        รถบรรทุกใหญ่ๆ รถพ่วง 18 ล้อ ทำไมบางครั้งถึงเห็น "ยกล้อ" คู่นึงวิ่งครับ ? 

        เคยเห็นเวลาขับรถไกลๆ บางคันก็เอาล้อลงสัมผัสผิวถนนครบทุกล้อ แต่บางคันกลับยกล้อบางคู่ขึ้น พอมันไม่สัมผัสถนน ล้อมันก็ไม่หมุน ลอยอยู่นิ่งๆ แบบนั้น มีประโยชน์อย่างไรเหรอครับ ?

ความคิดเห็นจากชาวเน็ต 


advertisement

       – คิดง่ายๆ เดิมที่รถยนต์มีแค่ 4 ล้อ หลังจากการพัฒนา เลยเพิ่มล้อเรื่อยๆ เพื่อกระจายแรง และช่วยสำรองด้วยหากยางเกิดเสียหายระเบิดเพียงบางเส้น ก็ยังพอประคองวิ่งไปได้ ประกอบกำลังเครื่องยนต์มีกำลังฉุดลากมากขึ้น จึงยิ่งออกแบบเพิ่มล้อได้

       เมื่อไม่มีโหลดบรรทุก เลยไม่มีความจำเป็นต้องเอาล้อลงถ่ายแรงทั้งหมด นอกจากไม่เปลืองดอกยางแล้ว วิ่งได้คล่องตัวขึ้น เห็นจขกท. มีคำถามเพิ่ม เลยช่วยขยายความ


advertisement

        – รถยนต์แต่ไหนแต่ไรมา (รวมรถบัส รถบรรทุกด้วย) ระบบส่งกำลังจากเครื่องไปเพลากลางใช้ล้อหลังเท่านั้น ล้อหน้าแค่คันโยกบังคับทิศทาง
รถยนต์ปกติ ที่เห็นเครื่องยนต์อยู่ด้านหน้า แต่ถ้ามุดไปใต้ท้อง จะเห็นเพลาส่งกำลัง "เพลาขับ" หรือ "เพลากลาง" ส่งจากเครื่องผ่านกระปุกเกียร์ ไปเฟืองท้ายขับเพลาล้อหลัง 

       เฟืองท้ายขับเพลาล้อหลัง  เฟืองนี้สำคัญ ฝรั่งตั้งชื่อเรียกเฟือง differential ช่วยให้เพลาขับ และ 2 ดุมล้อหลัง หมุนแยกโยกเป็นอิสระ โดยที่ยังรับกำลังส่งจากเครื่องยนต์ได้ไม่ขาดตอน   และ 2 ดุมล้อ ก็แยกจากกันด้วย ต่างจากรถโบราณ รถของเล่น ที่เพลาเป็นแกนเดียวกัน เมื่อถนนไม่สม่ำเสมอ และโค้ง เกิดแรงต้านจนเพลาหัก หรือล้อหลุดได้ง่าย เกิดสะบัดและคว่ำได้ง่าย [ads]


advertisement
ล้อหน้ามีแค่นี้

        จะมีแต่รถที่ออกแบบพิเศษ ที่ใช้ในที่ทุรกันดาร หรือรถใช้ในกองทัพ ที่ต่อมาออกแบบให้ล้อหน้าขับด้วย (แถมบางประเทศ ในบางฤดู ยางรถต้องหุ้มโซ่ด้วย เพราะลื่น ในประเทศที่โคลนเยอะ หรือหิมะหนา) ที่ต่อมาเป็นที่นิยม เลยกระบะ 4 ล้อก็มีด้วย  ที่เห็นคำว่า 4WD: 4-wheel drive หรือ 4×4 คือ 4 ล้อ ขับเคลื่อนทั้ง 4 ล้อ

        แนวคิดคือ ถ้าล้อหลังติดหล่ม เกิดการลื่นอยู่ในโคลน แรงส่งที่ไปล้อหน้าที่มีแรงเสียดทานกับพื้นสูงกว่า ก็จะช่วยฉุดรถขึ้นได้ แต่ในสภาวะปกติก็คล้ายกรณีมีล้อเยอะ คือบางทีก็เป็นภาระต่อเครื่อง เมื่อใช้วิ่งบนถนนเรียบ

         ภายหลัง ก็ออกแบบเป็น option คันบังคับลือกในรถด้วย ว่าจะขับเคลื่อนด้วย 4 ล้อ หรือ 2 ล้อ หลักการกว้างๆ ก็คือมีชุดเฟือง differential ชุดหน้าอีก 


advertisement

        เป็นยังไงกันบ้าง กระจ่างกันเลยทีเดียว สำหรับความคิดเห็นจากชาวเน็ตไขข้อสงสัยทั้งหมดเลย ตามหลักพร้อมภาพประกอบเข้าใจได้ง่ายเลย 

เรียบเรียงโดย : thaihitz.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก เหมียวตัวเล็ก 


advertisement