advertisement
สภาพอากาศในเมืองไทยที่สัมผัสได้ทุกวัน มีทั้งความทั้งร้อนและชื้น ความร้อนสร้างความลำบากในการใช้ชีวิตมากพอสมควร แต่ความชื้นก็ไม่น้อยหน้าเพราะถ้าในตัวบ้านสะสมความชื้นเอาไว้มาก ๆ นอกจากจะส่งผลเสียต่อตัวบ้านได้
อย่างล่าสุด ทางด้านผู้ใช้เฟสบุ๊ก Supachai Utaipuay ได้โพสต์ภาพบ้านที่เจอปัญหากับความชื้นเกิน 40% ต้องให้ช่างสกัดผนังแล้วฉาบใหม่ แต่ก็ยังแก้ไม่ตก โดยระบุว่า….
ขอแนวทางการแก้ไขหน่อยครับ บ้านซื้อยังไม่ถึงปี ตัวบ้านสร้าง 3-4 ปี ความชื้นเกิน 40% ภาพนี้โครงการมาสกัดและฉาบปูนทับหน้า แต่ยังเกิดความชื้นสูงจากระดับพื้นชั้น 1 ประมาณ 0-80 เซนติเมตร มีรอบตัวบ้านทั้งภายนอกและภายใน
บ้านมีความชื้น
advertisementให้ช่างสกัด
ฉาบใหม่
advertisementแต่ก็ไม่ดี
แก้ยังไงดี
advertisement
advertisement–
ความคิดเห็นจากชาวเน็ต
สูงแบบนี้ น้ำใต้ดินคงเยอะ ระยะยาวไม่ดีแน่ ต้องเป็นช่างเฉพาะครับ น้ำยาแพงมาก ที่ใช้บูรณะอาคารเก่า จะสกัดผนังเดิมช่วงล่าง ใช้ไมโครไฟเบอร์วางแล้วลงน้ำยาฯ หรือ ผนังช่วงที่ติดกับพื้น ลองเปลี่ยนเป็น glass block สองแถว (อันนี้คิดแบบ ใช้แก้วกันน้ำซึมขึ้น) หรือลองเอาไปคิดต่อยอดแบบอื่นๆ
ต้องดูให้ออกว่าน้ำมาจากทางไหนจะได้แก้ปัญหาได้ถูกจุด
ตอนก่ออิฐ ทางช่างคงไม่ได้ปูพลาสติกใสรองพื้นคานก่อนที่จะก่อทับนะครับ หากระดับคานสูงพื้นสูงจากระดับดินไม่ถึง 70 cm. ต้องปูหมดครับ ไม่เช่นนั้นสีล่อนครับ ซึ่งตามหลักแล้วจะต้องปูพลาสติกให้แล้วเสร็จก่อนเพื่อที่จะเอาไว้บล็อกความชื้นจากตัวคาน ที่ซึมซับความชื้นเข้ามายังตัวผนัง แล้วก็การฉาบปูนหากเป็นภายนอกช่างอาจจะมีการฉาบผิดหลักเพราะตามหลักต้องขึ้นปูนฉาบ 2 ชั้นนะครับ ชั้นแรก 1:2.5 ชั้นสอง 1:3 – 4 เรียกว่าปูนจืดครับ ไม่ว่าจะอิฐมอญ , อิฐบล็อก , อิฐมวลเบาต้องปูลองด้วยพลาสติกหมดครับ โดยร้อยละ 95% ผรม. หรือช่างมักจะไม่ทราบถึงหลักการในการก่อ, ฉาบที่แท้จริงของการก่ออิฐรวมถึงการฉาบหนักหน่อย
ชาวเน็ตต่างแนะวิธีการในการแก้ปัญหา บ้านชื้นปัญหาคู่บ้านที่ไม่ควรมองข้ามจริงๆ ส่งผลในระยะยาว นอกจากการลอกล่อนของผนังอาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ ต้องรีบแก้
เรียบเรียงโดย : thaihitz.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก Supachai Utaipuay
advertisement