advertisement

เทียบกันชัดๆ สลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส.-ออมสิน ใครเหนือกว่าใคร?


advertisement

         เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการออมเงินสำหรับคนที่ไม่ชอบความเสี่ยง สำหรับ "สลากออมทรัพย์" การออมเงินที่เงินต้นยังอยู่ครบและยังได้ดอกเบี้ยเมื่อเราถือครบกำหนดแล้ว แถมยังได้ลุ้นรางวัลต่างๆ ที่อาจจะได้เพิ่มจากดอกเบี้ย และลุ้นรางวัลที่ 1 ที่มีมูลค่าหลักล้านบาท วันนี้จะพาไปดูสลากออมทรัพย์ระหว่าง ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กับ ธนาคารออมสิน ว่าใครมีข้อดีและข้อด้อย ใครเหนือกว่าใคร เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจลงทุนได้ ไปดูกันเลยครับ

         ทั้ง 2 ธนาคารได้ออกสลากรุ่นใหม่มาเสนอขายต่อประชาชนพร้อมกัน โดย ธ.ก.ส.ออกหน่วยละ 100 บาท อายุ 3 ปี รางวัลที่ 1 ให้ 15 ล้านบาท 6 งวด และ 10 ล้านบาท 30 งวด ส่วนออมสินออกหน่วยละ 20 บาทอายุ 1 ปี รางวัลที่ 1 ให้ 2 ล้านบาท เซียนแนะรอบนี้ออกแบบมาให้ถูกเลขท้ายทุกงวดใช้เงินน้อยลง ธ.ก.ส. ใช้เงินซื้อ 1 แสนบาท ออมสินต้องใช้ 2 แสนบาท จากเดิมที่ 5 แสนบาท ส่วนรางวัลใหญ่แล้วแต่ดวง

         ธ.ก.ส.เกษตรกรมั่งคั่ง 4

         สลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดเกษตรมั่งคั่ง 4 การรับฝาก รับฝากหน่วยละ 100 บาท เปิดรับฝากทุกวัน ยกเว้นวันที่ธนาคารออกรางวัล รับฝากเฉพาะเลขเดี่ยวเท่านั้น อายุรับฝาก 3 ปี (ครบกำหนดวันชนวัน) การออกรางวัล ออกรางวัลในวันที่ 16 ของทุกเดือน ยกเว้นเดือนกรกฎาคม 2562 ออกรางวัลวันที่ 15 กรกฎาคม เดือนมกราคมออกรางวัลวันที่ 17 มกราคม ของทุกปี

         สิทธิ์ในการถูกรางวัล รับฝากภายในวันที่ 15 ของเดือน จึงจะมีสิทธิ์ตรวจรางวัลในเดือนนั้น (ยกเว้นเดือนกรกฎาคม 2562 ต้องฝากภายในวันที่ 14 กรกฎาคม 2562) โดยสลากแต่ละหน่วย มีสิทธิ์ตรวจรางวัล 36 ครั้ง

         เปิดรับฝาก ตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2562 เป็นต้นไป ที่ ธ.ก.ส.ทุกสาขาทั่วประเทศ และสามารถรับฝากผ่านช่องทางบริการ ธ.ก.ส. A-Mobile โดยหยุดรับฝากในวันที่ออกรางวัล (วันที่ 15 กรกฎาคม 2562 วันที่ 16 ของเดือน และวันที่ 17 มกราคม ของทุกปี)

         ดอกเบี้ยและเงื่อนไขการจ่ายดอกเบี้ย ถ้าครบกำหนดระยะเวลา 3 ปี จะได้รับดอกเบี้ยหน่วยละ 0.75 บาท คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ต่อปี ผู้ที่ถอนคืนก่อนครบกำหนด จะไม่ได้รับดอกเบี้ย หากผู้ที่ฝากไม่ครบ 3 เดือน หักค่าธรรมเนียมการถอนจากมูลค่าสลาก 2 บาทต่อหน่วย

         ทั้งนี้ ดอกเบี้ยและเงินรางวัลได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับบุคคลทั่วไป และสามารถนำไปใช้เป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกัน (Bank Guarantee) ได้


advertisement

         จำนวนรางวัลและเงินรางวัล รางวัลที่ 1 มี 1 รางวัล แบบเสี่ยงหมวด มูลค่ารางวัลแยกเป็น รางวัลละ 15 ล้านบาท จำนวน 6 งวด(ในเดือนพฤศจิกายน 2562, พฤษภาคม 2563, พฤศจิกายน 2563, พฤษภาคม 2564, พฤศจิกายน 2564 และพฤษภาคม 2565) และรางวัลละ 10 ล้านบาทอีก 30 งวด และยังมีรางวัลที่ 1 ต่างหมวด(119 รางวัล) รางวัลละ 2 หมื่นบาท

         รางวัลที่ 2 หมุน 3 ครั้ง มี 360 รางวัล รางวัลละ 1 หมื่นบาท รางวัลที่ 3 หมุน 10 ครั้ง มี 1,200 รางวัล รางวัลละ 5,000 บาท รางวัลที่ 4 หมุน 20 ครั้ง มี 2,400 รางวัล รางวัลละ 2,000 บาท รางวัลที่ 5 หมุน 100 ครั้ง มี 12,000 รางวัล รางวัลละ 1,000 บาท

         ส่วนรางวัลเลขท้าย 4 ตัว หมุน 1 ครั้ง มี 120,000 รางวัล รางวัลละ 90 บาท และรางวัลเลขท้าย 3 ตัว หมุน 2 ครั้ง มี 2,400,000 รางวัล รางวัลละ 45 บาท


advertisement

         ออมสินดิจิทัล

         ธนาคารออมสิน ได้เปิดรับฝากสลากออมสินดิจิทัล 1 ปี (สลากดิจิทัล : Digital Salak on MyMo) ซึ่งเหมาะกับผู้ฝากในกลุ่มนักเรียนนิสิตนักศึกษา ชั้นเตรียมอุดมศึกษา วัยเริ่มต้นทำงาน จนถึงวัยทำงาน ซึ่งต้องการเริ่มต้นการออมเงินที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า และใช้ Mobile Banking เครื่องมือฝากเงินในยุคดิจิทัล โดยจะเปิดรับฝากตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2562 เป็นต้นไป ผ่าน Mobile Banking หรือ MyMo ของธนาคารออมสินเท่านั้น

         สำหรับสลากออมสินดิจิทัล 1 ปี อายุสลาก 1 ปี เปิดรับฝากหน่วยละ 20 บาท (1 หน่วยต่อ 1 หมายเลข) ฝากครบ 1 ปี ได้ดอกเบี้ยหน่วยละ 0.05 บาท (คิดเป็น 0.25% ต่อปี) โดยธนาคารฯ จะโอนเงินต้นและดอกเบี้ยเข้าบัญชีเงินฝากที่เป็นบัญชีคู่โอน หากถูกรางวัล ธนาคารฯ จะโอนเงินรางวัลเข้าบัญชีคู่โอนในวันถัดจากวันที่ออกรางวัล ซึ่งดอกเบี้ยและเงินรางวัลได้รับการยกเว้นภาษี แต่หากผู้ฝากถอนคืนก่อนสลากครบอายุ โดยฝากครบ 6 เดือน แต่ไม่ครบ 1 ปี ได้ดอกเบี้ยหน่วยละ 0.02 บาท (คิดเป็น 0.10% ต่อปี) ฝากครบ 3 เดือน แต่ไม่ครบ 6 เดือน ไม่ได้รับดอกเบี้ย และถ้าถอนคืนก่อน 3 เดือน จะถูกหักส่วนลดหน่วยละ 0.50 บาท 

         ทั้งนี้ ในระหว่าง 1 ปีที่ถือสลาก ผู้ฝากมีสิทธิ์ลุ้นถูกรางวัลจากการออกรางวัลเลขสลากทุกวันที่ 16 ของเดือน เป็นจำนวน 12 ครั้ง ตลอดระยะเวลาการฝาก โดยมีรางวัลสูงสุด รางวัลที่ 1 มูลค่าเงินรางวัล 2 ล้านบาท จำนวน 1 รางวัล รางวัลที่ 2 มูลค่าเงินรางวัล 1 แสนบาท จำนวน 1 รางวัล (กำหนดงวดและหมวดอักษรเฉพาะรางวัลที่ 1 และ รางวัลที่ 2)

         รางวัลที่ 3 หมุน 5 ครั้ง ครั้ง รางวัลละ 2,000 บาท รางวัลที่ 4 หมุน 10 ครั้ง รางวัลละ 1,000 บาท รางวัลที่ 5 หมุน 15 ครั้ง รางวัลละ 500 บาท และรางวัลเลขท้าย 4 ตัว หมุน 2 ครั้ง รางวัลละ 50 บาท

         สำหรับสลากดิจิตอลของธนาคารออมสินนั้น ต้องซื้อผ่าน App Mymo ที่จะกำหนดการซื้อไว้ดังนี้เริ่มที่ 400 / 1,000 /2,000 / 10,000 / 20,000 / 100,000 / 200,000 / 1,000,000 และ2,000,000 บาท


advertisement

         ซื้อ 2 แสนหวังเลขท้ายต้อง ธ.ก.ส.

         ผู้คร่ำหวอดวงการสลากธนาคารรัฐกล่าวว่า สลากออมทรัพย์ของทั้ง 2 ธนาคารนี้มีความแตกต่างกันในหลายจุด ธ.ก.ส.หน่วยละ 100 บาท ออมสินหน่วยละ 20 บาท ตัวสลากของธ.ก.ส.จะเป็นกระดาษ ต้องซื้อที่สาขาหรือซื้อผ่าน ธ.ก.ส.A-Mobile สลากที่ได้สามารถนำไปใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้ ส่วนของออมสินเป็นสลากดิจิตอล ไม่มีใบสลากให้ ไม่สามารถนำไปใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ต้องการซื้อต้องทราบ

         แต่สลากทั้ง 2 รุ่นนี้หากต้องการถูกรางวัลเลขท้ายทุกงวด จะใช้เงินซื้อสลากลดลงจากเดิม หากเป็นรุ่นก่อน ๆ ต้องใช้เงิน 5 แสนบาท แต่ตัวรางวัลส่วนที่เป็นเลขท้ายก็ปรับลดลงจากเดิมเช่นกัน

         รางวัลต่ำสุดของสลาก ธ.ก.ส.คือเลขท้าย 3 ตัว หมุน 2 ครั้ง รางวัลละ 45 บาท หากต้องการถูกเลขท้ายทุกงวดต้องใช้เงินซื้อสลาก 1 แสนบาท ซึ่งจะได้ 1,000 หน่วย ได้เงินรางวัล 90 บาททุกเดือน แต่รางวัลเลขท้ายต่ำสุดของออมสินเป็นเลขท้าย 4 ตัว หากต้องการถูกทุกงวดต้องซื้อสลาก 2 แสนบาท จึงจะได้สลาก 1 หมื่นหน่วย ได้รางวัล 100 บาททุกเดือน

         หากซื้อสลากในจำนวนเงิน 2 แสนบาทเท่ากัน เพื่อต้องการรางวัลเลขท้ายต่ำที่สุดของสลาก พบว่าสลาก ธ.ก.ส. จะถูกรางวัลเลขท้าย 3 ตัวทุกงวด เป็นเงิน 2,160 บาท/ปี แต่สลากออมสินดิจิทัล จะได้รางวัลเลขท้าย 4 ตัวทุกงวด เป็นเงิน 1,200 บาท/ปี ถือว่าสลาก ธ.ก.ส.ได้รางวัลสูงกว่า 960 บาท และตัวดอกเบี้ยของสลากทั้ง 2 ได้เท่ากันคือปีละ 500 บาท

        ธ.ก.ส.หมุนรางวัลมากกว่า

         สลากออมสินทุกรางวัลรวมกัน หมุนจำนวนเพียงแค่ 34 ครั้ง ส่วนสลาก ธ.ก.ส.ทุกรางวัลรวมกัน หมุนจำนวนถึง 137 ครั้ง ในส่วนของรางวัลหลักอย่างรางวัลที่ 5 ธ.ก.ส.หมุน 100 ครั้ง รางวัลละ 1 พันบาท ส่วนออมสินหมุน 15 ครั้ง รางวัลละ 500 บาท รางวัลที่ 4 ธ.ก.ส.หมุน 20 ครั้ง รางวัลละ 2 พันบาท ส่วนออมสินหมุน 10 ครั้ง รางวัลละ 1 พันบาท รางวัลที่ 3 ธ.ก.ส.หมุน 10 ครั้ง รางวัลละ 5 พันบาท ส่วนออมสินหมุน 5 ครั้ง รางวัลละ 2 พันบาท

         ส่วนรางวัลที่ 2 ธ.ก.ส.หมุน 3 ครั้ง รางวัลละ 1 หมื่นบาท ส่วนออมสินหมุน 1 ครั้ง รางวัลละ 1 แสนบาท เฉพาะรางวัลที่ 2 ของออมสินจะใช้การสุ่มงวดและหมวดอักษร แต่ของ ธ.ก.ส.ออกตรงไม่สุ่มหมวด

         ขณะที่รางวัลที่ 1 ธ.ก.ส. แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ รางวัลละ 10 ล้านบาท 30 งวด และเพิ่มพิเศษเป็น 15 ล้านบาทใน 6 งวดที่กำหนด แต่เป็นการสุ่มหมวด หากสลากที่ซื้อตรงกับรางวัลที่ 1 แต่ไม่ตรงหมวดที่สุ่มจะได้รางวัลละ 2 หมื่นบาท สลากออมสิน รางวัลที่ 1 รางวัลละ 2 ล้านบาทแต่เป็นการสุ่มงวดและหมวดอักษร ซึ่งสลากดิจิทัลรุ่น 1 ปีนี้ ไม่มีรางวัลที่ 1 ต่างงวดและหมวดอักษร

         ทั้งนี้รางวัลใหญ่ของสลากออมทรัพย์มักกำหนดไว้ว่า สุ่มงวด สุ่มหมวดอักษร อย่างสลากของธนาคารออมสินจะมีทั้งงวดและหมวดอักษร ผู้ที่จะได้รางวัลใหญ่นอกจากเลขสลากจะต้องตรงกับการออกรางวัลแล้ว ธนาคารจะสุ่มงวด(ที่ออก)และหมวดอักษรของเลขสลากนั้น ตัวเลขตรงกับรางวัลใหญ่แล้วต้องดูอีกว่างวดและตัวอักษรตรงด้วยหรือไม่ ซึ่งกำหนดไว้สำหรับรางวัลที่ 1 และรางวัลที่ 2 ส่วนสลาก ธ.ก.ส.สุ่มเฉพาะหมวดอักษรเท่านั้น และกำหนดเฉพาะรางวัลที่ 1

         ดังนั้น โอกาสในการได้รางวัลใหญ่นั้นต้องขึ้นอยู่กับว่าแต่ละธนาคารออกสลากมากน้อยเพียงใด ของ ธ.ก.ส.จะออกสลากเฉพาะรุ่นเท่านั้น เช่น เกษตรมั่งคั่ง 4 นี้ ออกที่วงเงิน 1.2 แสนล้านบาท ส่วนสลากดิจิทัล 1 ปี เพิ่งออกครั้งแรกเบื้องต้นกำหนดวงเงินไว้ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท ส่วนจะออกเพิ่มหรือไม่ต้องขึ้นกับนโยบายของธนาคาร


advertisement

        เป็นข้อมูลที่ดีมากๆ เลยทีเดียว ช่วยในการตัดสินใจสำหรับผู้ที่สนใจจะลงทุนเป็นอย่างมาก โดยทั้ง 2 ธนาคาร ก็มีจุดเด่นจุดด้อยที่แตกต่างกันออกไป เราต้องดูว่าฉลากแบบไหนเหมาะกับเรา ส่วนโอกาสในการถูกรางวัลนั้นขึ้นอยู่กับโชคของแต่ละคน 

เรียบเรียงโดย : thaihitz.com 


advertisement