advertisement

เตือนแม่ค้ามือใหม่ สาวเล่าประสบการณ์ เปิดร้านขนมเปี๊ยะ สุดท้ายเข้าเนื้อไปไม่รอด


advertisement

      ถ้าหากพูดถึงอาชีพค้าขายไม่ว่าจะเป็นค้าขายสินค้าอะไร ไม่มีคำว่าง่าย ต้องวางแผนให้ดี พ่อค้าแม่ค้าหลายคนกว่าจะประสบความสำเร็จในอาชีพค้าขายได้ต้องผ่านอุปสรรคมากมาย ลูกค้าน้อย ขายไม่ได้ ยอดขายไม่เยอะ หลายคนก็เจ๊งไปตามๆ กัน 

      ล่าสุด ทางด้านสมาชิกพันทิป เล็บสั้น ได้โพสต์เล่าประสบการณ์ เปิดร้านขนมเปี๊ยะ แล้วไปไม่รอด รู้เหตุผลที่คาดไม่ถึง มีอึ้ง เข้าเนื้อจนตัดสินใจปิดกิจการ เผื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ โดยได้โพสต์ระบุว่า…. 

       ขอเล่าปูมหลังก่อนนะคะ  เราเปิดร้านเสริมสวย พวกทำเล็บ สักคิ้ว มาก่อนค่ะ แล้วอยู่มาจนกระทั่ง ช่วงปี 2563 ทางกทม.สั่งปิดร้าน เดือนแรกก็ยังชิวได้ พอต่อๆไป เริ่มไม่มีจะกิน เราและหุ้นส่วนตัดสินใจเปิดร้านขนมเปี๊ยะ เพื่อเลี้ยงปากท้องตัวเองและลูกน้องอีกหลายชีวิต (ก่อนที่จะเปิด ทดลองสูตรซะอ้วนกันทั้งร้าน ) แล้วก็สำเร็จ อร่อย ขายได้

       ตอนแรกที่ออกขาย ขายเองตามตลาดนัดตามตึก ตลาดนัดกรมศุลกากร บอกเลยว่าอาย ไม่เคยขายของตลาดนัด แล้วเป็นอะไรไม่รู้ชอบเจอคนรู้จัก
เค้าก็ช่วยซื้อกัน ต้องขอบคุณเพื่อนๆที่เจอและอุดหนุนจึงอยู่รอดมา และปากต่อปาก ก็ขายดีขึ้น เลยมีเงินจ่ายลูกน้องที่ร้านเสริมสวยให้มาขายด้วย
แต่เรารู้เหมือนกันว่าลูกน้องก็อายแต่ยังอุตส่าห์มาช่วยกันประคับประคองร้านของพวกเรา เพื่อรอเปิดร้านเสริมสวยอีกครั้ง  แต่โควิดก็ยังไม่จบสักที ร้านเสริมสวยปิดต่ออีก 3 เดือน เราก็ทำนู้นนี้มาขายเพิ่มค่ะ  พวกขนมเปี๊ยะนั้นแหละค่ะ ก็จะมี เปี๊ยะลาวา เปี๊ยะเจ ต่างๆ ตามเทศกาล  ขนมกลับพลิกให้เรามีเงินขึ้นมาอีกครั้ง  

       ขายดีมาก รายได้วันละ 20,000 – 70,000 บาท พวกเราก็โหมทำไม่ได้หลับได้นอน ซื้ออุปกรณ์ทำขนมเพิ่มอีกหลายอย่าง กะว่ารวยแน่คร่าวนี้ เด็กๆที่ร้านที่เป็นช่างทำเล็บ ทำคิ้ว ทำผม ต่อขนตา เราให้มาช่วยขายของหมด  โดยที่ไม่ได้ถามความสมัครใจ และไม่ได้ประชุมชี้แจง คือ จริงๆ เค้าน่าจะไม่ชอบขายของ  การขายดีครั้งนี้เราไม่ได้เฉลียวใจคิดเลยว่าในช่วงนี้มี โครงการคนละครึ่ง ซึ่งน่าจะทำให้เราขายดีในช่วงนั้น  ลืมบอกไปว่าเราออกขายตามบูธตามห้างค่ะ


advertisement

       พอคนละครึ่งหมดกันละเท่านั้นรู้เรื่องค่ะ  จากขายได้ดีๆ เหลือไม่ถึง 15,000 บาท/วัน  ค่าเช่าบูธแต่ละที่ก็วันละ 3,000 – 7,500 บาทค่ะ  ที่นี่ล่ะดวงตาเห็นธรรมค่ะ  ความจริงคือ ถ้าราคาเต็มจริงๆ เราขายไม่ได้  จากออกบูธหลายที่ เหลือแค่ 2 ที่พอ คือ ที่ ไอคอนสยาม และ เซนทรัลพระราม 2 ที่อยู่ใกล้ร้านเสริมสวยเพื่อความสะดวกในการดูแลค่ะ  (ค่าเช่าที่ไอคอน วันละ 3,000 บาท , ค่าเช่าที่เซนทรัล พระราม2 วันละ 2,800 บาท , ค่าแรงน้องขายของวันละ 1,000 บาท) ขี้แตกสิคะ ขายได้ 2 ที่รวมกันวันละ 20,000 บาท ยังไม่รวมค่าทุนขนม  แถมขายไม่หมดก็ต้องทิ้งขนมอีก ประสบการณ์ที่ได้คือ การคำนวณราคาต้นทุนจริงๆ ไม่อยากให้เอาเปรียบผู้บริโภคนะคะ แต่การคิดราคาขายของขนมควรจะมีกำไรอย่างน้อย 60 เปอร์เซนต์ค่ะ เพราะค่าแป้งค่าน้ำมันพืช ราคาขึ้นเรื่อยๆ แล้วเราจะมาคิดราคาขนมเพิ่มเรื่อยๆ ก็ไม่ได้ ค่าลูกน้อง และอย่าลืมค่าแรงตัวเอง


advertisement

       เอาเป็นว่าเข้าเนื้อได้ 3 เดือน ร้านขนมเปี๊ยะเจี๊ยะเพลินก็ตัดใจปิดกิจการลงอย่างสงบศพสีชมพู แต่ได้ทิ้งรอยแผลไว้มากมาย คือ อุปกรณ์ทำขนมที่ยังโคตะระใหม่ ใช้ไปได้ไม่ถึง 2 ปีค่ะ พร้อมสูตรทำขนมที่เป็นภาษาพม่าอยู่ แต่สูตรภาษาไทยหายไปไหนไม่รู้ ถ้าใครสนใจสูตรหรืออุปกรณ์หลังไมค์ได้นะคะ 555555    

        หลังจากที่กลับมาทำร้านเสริมสวย เชื่อไหมคะ ว่าช่างฝีมือดีๆ ของเราออกไป 3 คน เนื่องจากการบังคับเค้าไปขายขนมค่ะ ต้องมาหาลูกน้องใหม่อีก  เพราะฉะนั้นการทำอะไรไม่ว่าร้านหรือธุรกิจคุณจะเป็นองค์กรใหญ่หรือเล็กๆ อย่างลืมสื่อสารกันนะคะ 

       สรุป ตอนนี้ร้าน Smith & John  Beauty Center เปิดทำการเป็นปกติแล้วนะคะ ถ้าใครผ่านไปผ่านมาแถวนี้ มาใช้บริการได้ค่ะ   

ขนมเปี๊ยะสีชมพูหวานๆ น่าทานมากเลยค่ะ เสียดาย ไม่ขายแล้ว เป็นกำลังใจให้ จขกท. นะคะ ขอให้ร้านเสริมสวยเฮงๆ ค่ะ 

อย่างน้อยๆ  จขกท  ก็ได้สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตให้ตัวเองเพิ่มนะคะ  สินค้าคนละตัวกับอาชีพเดิมเลย  ถือเสียว่าเปิดโลกการเรียนรู้ 


advertisement

       ชาวเน็ตต่างแสดงความคิดเห็นหลังได้อ่านเรื่องราวของเจ้าของกระทู้ และขอบคุณที่มีความกล้าหาญออกมาแชร์ประสบการณ์ที่ไม่สวยหรูของตนเอง ให้กับพ่อค้า-แม่ค้ามือใหม่อีกหลาย ๆ คน ได้เรียนรู้  

เรียบเรียงโดย : thaihitz.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก เล็บสั้น 


advertisement