advertisement

หลายคนไม่รู้ คุณสมบัติต้องห้าม คนแบบไหนถึงห้ามบวชพระ


advertisement

      กลายเป็นดราม่าที่โดนสังคมวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก สำหรับ กรณี จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม หลังออกรายการโหนกระแส เผชิญหน้า แม่ปูนา เจ้าหนี้ที่ขึ้นป้ายทวงเงินค่าปูนาดองเกือบ 3 แสน โดยแม่ปูนาร่ำไห้ในรายการทำให้ต้องขายบ้านเพื่อช่วยเหลืออีก 4 ชีวิต งานนี้ท่าทีที่ไม่สลดของ จั๊กกะบุ๋ม ทำโซเชียลเดือด เจ้าหนี้ดาหน้าทวงหนี้ จนต่อมา จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม 

      ต่อมา จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม โพสต์ขอลาบวช เพื่อให้จิตใจสงบ  จนทางด้าน แพรรี่ ไพรวัลย์’ ได้ออกมาโพสต์ระบุว่า “ติดหนี้ต้องเคลียร์ตัวเองก่อนนะคะ จะหนีไปบวชไม่ได้ มันบวชไม่ขึ้น เพราะเวลาพระกรรมวาจาจารย์สวดถามว่า อนโณสิ๊ (เธอไม่มีหนี้ใช่ไหม) จะตอบยังไงคะ”
       
      วันนี้เราจะพาไปดูว่า คุณสมบัติต้องห้ามบวชพระ มีอะไรบ้าง หลายคนอาจจะไม่รู้มาก่อน โดยมีดังนี้ 

      1. ทำความผิดหลบหนีอาญาแผ่นดิน

      2. หลบหนีราชการ

      3. ต้องหาในคดีอาญา

      4. เคยถูกตัดสินจำคุก โดยฐานเป็นผู้ร้ายสำคัญ

      5. ถูกห้ามอุปสมบทเด็ดขาดทางพระศาสนา


advertisement

      6. มีโรคติดต่อเป็นที่น่ารังเกียจ เช่น วัณโรคในระยะอันตราย

      7. มีอวัยวะพิการจนไม่สามารถปฏิบัติกิจพระศาสนาได้


advertisement

      นอกจากนี้ ในศาสนาพุทธยังได้กำหนดว่าผู้ที่ห้ามบวชโดยเด็ดขาดมีอยู่ 3 ประเภทด้วยกัน คือ ผู้ที่มีเพศและภาวะบกพร่อง ผู้ที่เคยทำอนันตริยกรรม 5 อย่าง และผู้ที่ทำผิดต่อพระพุทธศาสนา

      หากคณะสงฆ์ให้บวชไปโดยที่ไม่รู้ เมื่อทราบภายหลังจะต้องให้ลาสิกขา การห้ามบวชในที่นี้รวมถึงการห้ามบรรพชาเป็นสามเณรด้วย

      ประเภทที่ 1 ผู้ที่มีเพศและภาวะบกพร่อง

      1. บัณเฑาะก์ หมายถึง กะเทย

      2. อุภโตพยัญชนก หมายถึง คนที่มีอวัยวะเพศ 2 เพศ คือ มีทั้งเพศหญิงและเพศชายในคนเดียวกัน

      3. สัตว์ดิรัจฉาน

      ประเภทที่ 2 ผู้ที่เคยทำอนันตริยกรรม

      1. ผู้ที่ฆ่าบิดา

      2. ผู้ที่ฆ่ามารดา

      3. ผู้ที่ฆ่าพระอรหันต์

      4. ผู้ที่ทำร้ายพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจนถึงห้อพระโลหิต

      5. ผู้ที่ทำสังฆเภทคือทำสงฆ์ให้แตกกัน


advertisement

      ประเภทที่ 3 ผู้ที่ทำผิดต่อพระพุทธศาสนา

      1. ผู้ที่เคยต้องอาบัติปาราชิก หมายถึงผู้ที่เคยบวชแล้วแต่ทำผิดร้ายแรงถึงระดับที่ขาดจากความเป็นพระภิกษุ บุคคลประเภทนี้จะกลับมาบวชอีกไม่ได้

      2. ผู้ที่ประทุษร้ายภิกษุณี

      3. คนลักเพศ หมายถึง ปลอมบวช คือเอาผ้าเหลืองมาห่มเองโดยไม่มีพระอุปัชฌาย์

      4. ผู้ที่ไปเข้ารีตเดียรถีย์ หมายถึงพระภิกษุหรือสามเณรที่เปลี่ยนไปเป็นนักบวชนอกพระพุทธศาสนา จะกลับมาบวชไม่ได้ 

       พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาค ๑

       ห้ามบวชคนมีหนี้ ก็โดยสมัยนั้นแล ลูกหนี้คนหนึ่งหนีบวชในสำนักภิกษุ พวกเจ้าทรัพย์พบแล้ว กล่าวอย่างนี้ว่า ภิกษุรูปนี้คือลูกหนี้ของพวกเราคนนั้น ถ้ากระไร พวกเราจงจับมัน

       เจ้าทรัพย์บางพวกพูดทัดทานอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลายอย่าได้พูดเช่นนี้ เพราะพระเจ้า พิมพิสารจอมเสนามาคธราช ได้มีพระบรมราชานุญาตไว้ว่า กุลบุตรเหล่าใดบวชในสำนักพระ สมณะเชื้อสายพระศากยบุตร กุลบุตรเหล่านั้น ใครๆ จะทำอะไรไม่ได้ เพราะธรรมอันพระผู้มี พระภาคตรัสไว้ดีแล้ว จงประพฤติพรหมจรรย์เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบเถิด

       ประชาชนจึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรเหล่านี้ มิใช่ผู้หลบหลีกภัย ใครๆ จะทำอะไรไม่ได้ แต่ไฉนจึงให้คนมีหนี้บวชเล่า

       ภิกษุทั้งหลาย กราบทูลความเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนมีหนี้ ภิกษุไม่พึงให้บวช รูปใดให้บวช ต้องอาบัติทุกกฏ 

      ปาราชิก คืออะไร

      ขณะบวชเป็นพระแล้วมีการทำผิดกฎศีล 227 ข้อ และเป็นโทษร้ายแรงจะถูกปาราชิก ซึ่งหมายถึงผู้พ่ายแพ้ เป็นอาบัติของภิกษุที่มีโทษร้ายแรงที่สุดในพุทธบัญญัติ โดยโทษที่ถึงขั้นต้องปาราชิกมี 4 ข้อ

      1. ห้ามไม่ให้พระสงฆ์เสพเมถุน คือการมีเพศสัมพันธ์กับมนุษย์ หรือสัตว์ รวมถึงซากศพ

      2. ห้ามพระสงฆ์ลักขโมยสิ่งของหรือทรัพย์ที่เจ้าของหวงแหน หรือไม่ได้อนุญาต

      3. ห้ามพระสงฆ์ฆ่ามนุษย์ ทั้งที่เกิดมาแล้ว หรือยังอยู่ในครรภ์ รวมถึงการจ้างวานฆ่า และพูดจายุยงให้คนฆ่าตัวตาย

      4. ห้ามพระสงฆ์อวดอ้างอุตริมนุสธรรม หมายถึงห้ามโอ้อวดตัวเองเกินจริง


advertisement

      หากพระภิกษุสงฆ์ทำผิด 1 ใน 4 ข้อนี้ก็จะขาดจากการเป็นพระภิกษุสงฆ์โดยทันที แม้จะยังไม่ได้กล่าวลาสิกขาก็ตาม เพราะเป็นความผิดที่รู้อยู่กับตัว ไม่สามารถอยู่รวมกับพระภิกษุสงฆ์อื่น ๆ ได้ และไม่สามารถกลับมาบวชใหม่ได้ตลอดชีวิต

เรียบเรียงโดย : thaihitz.com 


advertisement